ผมได้รับข่าวสารจากสมาคมนักเรียนเก่าเตรียมอุดมศึกษาในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อ 2 วันก่อนว่า ในปี 2568 นี้ สมาคมจะจัด “งานคืนสู่เหย้า” อย่างยิ่งใหญ่ ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ หรืออีกประมาณ 3 สัปดาห์จากนี้ไป
ปีนี้เป็นปีที่ 87 ของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแล้วครับ ขอเชิญศิษย์เก่าทุกรุ่นค้นหารายละเอียดและจองบัตรได้ที่ Line official : @dektrium ตั้งแต่บัดนี้ จองก่อนซื้อก่อนจะได้ราคาพิเศษครับ …ไว้ใกล้ๆ ผมจะเขียนให้อีกทีก็แล้วกัน
ดังที่ผมเคยเรียนท่านผู้อ่านอยู่เสมอๆ ว่า ผมมีความผูกพันและความทรงจำที่ดีมากกับ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เพราะเป็นสถาบันการศึกษาแรกที่สั่งสอนและเพาะบ่มผมจากนักเรียนบ้านนอกให้เป็นนักเรียนกรุง และสามารถใช้ชีวิตในเมืองกรุงได้อย่างสมบูรณ์
เมื่อมีโอกาสที่จะเขียนถึงกิจกรรมดีๆ ของโรงเรียนนี้ ผมจึงเขียนให้อยู่เสมอๆ
ประกอบกับ ณ นาทีนี้ประเทศเรากำลังมีข่าวใหญ่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงและกว้างขวางจากสังคมไทย…แว่บหนึ่งที่ผมอ่านข่าวประชาสัมพันธ์ของโรงเรียนเตรียมอุดมฯ ดังกล่าวแล้วก็อดที่จะนึกถึงความหลังเมื่อ 66-67 ปีก่อนโน้นเสียมิได้
รุ่นผมมีคนดังมากๆ หลายคน และผมก็เคยเขียนถึงไปบ้างแล้วหลายครั้ง รวมทั้งเพื่อนจากเตรียมอักษรศาสตร์ที่ชื่อ จินตนา ปิ่นเฉลียว ยอดนักกลอนและนักประพันธ์ในอดีตคนหนึ่งของประเทศ
วันนี้ผมขอเขียนถึง จินตนา ปิ่นเฉลียว อีกสักวันครับ เพราะข่าวใหญ่ที่เกริ่นไว้เมื่อสักครู่นี้ไปสอดคล้องกับชื่อเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งของจินตนาอยู่พอสมควร
“บาปที่นรกลืม” ครับ เป็นชื่อเรื่องสั้นที่ จินตนา ปิ่นเฉลียว ชนะการประกวดการเขียนเรื่องสั้นของนักเรียนรุ่นเรา และได้รับการนำลงตีพิมพ์ใน “หนังสือรุ่น” เมื่อ พ.ศ.2502
แม้ผมจะจำเนื้อหาไม่ได้เลย แต่ก็จำได้แม่นยำว่า ขณะที่ผมอ่านเรื่องนี้รู้สึกชื่นชมมากและยกนิ้วให้เธอไปหลายครั้ง เพราะเธอเขียนได้ดีมาก เขียนราวกับผู้ใหญ่ที่จบมหาวิทยาลัยแล้ว มิใช่เด็กนักเรียนเตรียมอุดมศึกษา ซึ่งสมัยนั้นเรียกว่าเด็ก ม.8 อย่างพวกเรา
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่ประการใดเลยที่ต่อมา จินตนา ปิ่นเฉลียว ซึ่งเป็นนักกลอนดังของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาอยู่ด้วย จะไปเจริญงอกงามในฐานะนักกลอนระดับแนวหน้าของ “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” นำทีมไปคว้ารางวัลการแข่งขันกลอนสดหลายต่อหลายครั้ง
รวมทั้งเมื่อจบจากจุฬาฯ แล้ว ก็กลายเป็นนักประพันธ์ชื่อก้องคนหนึ่งของประเทศไทย เขียนเรื่องลึกลับ เรื่องสยองขวัญประเภทนิยายอิงไสยศาสตร์จนโด่งดังไปทั่วประเทศ ในนามปากกา จินตวีร์ วิวัธน์ นักอ่านรุ่นเก่าคงจะจดจำเธอได้
น่าเสียดายที่เธอต้องจากไปด้วยโรคมะเร็งในตับเมื่อ พ.ศ.2531 ขณะมีอายุเพียง 46 ปีเท่านั้น
เหตุที่ผมนึกถึง จินตนา ปิ่นเฉลียว และนึกถึงเรื่องสั้นชนะการประกวดของโรงเรียนเตรียมฯ เมื่อ พ.ศ.2502 ของเธอ ก็สืบเนื่องมาจาก “ข่าวใหญ่” ที่ผมเกริ่นไว้ในตอนต้นนั่นเอง
ข่าวโครงการสถานบันเทิงครบวงจรที่แฝงเรื่องการพนันอย่างถูกกฎหมายเอาไว้ด้วย รวมไปถึงการที่จะออกกฎหมายยกการพนันที่ร้ายแรงอีกหลายการพนันให้เป็นเรื่องถูกต้องตามกฎหมาย โดยรวมการพนันออนไลน์เอาไว้ด้วยนั่นแหละครับ
ข้อเขียนของคุณ “ลม เปลี่ยนทิศ” คอลัมน์ข้างๆ ผมเมื่อฉบับวันศุกร์ หยิบยกข้อมูลด้านการพนันที่น่าห่วงใยยิ่งมานำเสนออย่างละเอียด ผมอ่านหลายจบ และเห็นด้วยทุกประการ
ผมเชื่อว่าการเปิดให้เล่นพนันอย่างถูกกฎหมายจะเป็น “บาป” อย่างหนึ่ง และจะทำให้ประเทศไทยถอยหลังลงคลองอย่างแน่นอน
หากเป็น “บาปที่นรกลืม” เหมือนชื่อเรื่องสั้นของ จินตนา ปิ่นเฉลียว ในอดีต ใครที่ก่อบาปนี้ก็รอดตัวไป
แต่หากเป็น “บาปที่นรกไม่ลืม” ก็ตัวใครตัวมันนะครับ ฯพณฯ “ผู้ก่อ” ทั้งหลาย.
“ซูม”