ผมเรียนท่านผู้อ่านไว้แล้วว่า ผมขออนุญาตที่จะเขียนถึงโครงการใหญ่ยักษ์ “One Bangkok” สัก 3 วัน และวันนี้จะเป็นวันที่ 3 ตามโควตาที่ผมตั้งใจไว้
อาจจะอ่านเข้าใจยากหน่อยนะครับ เพราะจะมีทั้งทฤษฎี ทั้งความรู้สึกและความคิดเห็นส่วนตัวของผมผสมผสานอยู่ด้วย
โดยเริ่มจากวลีล้อเลียนการพัฒนาประเทศที่ท่านผู้อ่านคงจะได้ยินอยู่บ่อยๆ ที่ว่า “ยิ่งพัฒนาเท่าไรคนรวยยิ่งรวยขึ้น ในขณะที่คนจนยิ่งจนลง” ซึ่งต่อมาก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าไม่ใช่ถ้อยคำล้อเลียนแต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นจริง พิสูจน์ได้จากการสำรวจต่างๆ
ผมเองในช่วงหนึ่งของชีวิต เคยอยู่ในแวดวงของการพัฒนาประเทศ เคยมีส่วนร่วมในการเขียนแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ และลงมือ ปฏิบัติตามแผนที่เขียนไว้ ถือว่าอยู่ในกลุ่มของ “ผู้แพ้” เพราะเคย ทำงานในด้านพัฒนาชนบท แก้ปัญหาความยากจนอยู่เกือบ 20 ปี
เคยท้อแท้เคยรู้สึกเสียใจอยู่ระยะหนึ่งเหมือนนักฟุตบอลที่ทีมโดนถล่ม 5-0 หรือ 6-0 ต้องเดินออกจากสนามอย่างหงอยๆ
จนกระทั่งมีโอกาสได้อ่านหนังสือขายดีของโลก เขียนโดย โทมัส พิเก็ตตี อดีตอาจารย์เศรษฐศาสตร์ของฝรั่งเศส เรื่อง “ทุนนิยมในศตวรรษที่ 21” หรือ “CAPITAL in the Twenty-First Century” จึงค่อยคลายใจลง
เมื่อหนังสือของท่านสรุปว่า ทุกๆ ประเทศในโลกนี้ในยุคนี้เป็น โรคเดียวกันหมด “ยิ่งพัฒนาคนรวยยิ่งรวยขึ้น คนจนยิ่งจนลง” ไม่เว้นแม้แต่ยักษ์ใหญ่เจ้าโลกเจ้าตำรับทุนนิยมอย่างสหรัฐอเมริกา
การศึกษาของ โทมัส พิเก็ตตี พบว่าเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะ “Capital” หรือทุนนั้นให้ผลตอบแทนสูงกว่าปัจจัยอื่นๆ (อย่างมาก)…ใครที่เป็นเจ้าของทุนจึงย่อมจะได้รับผลตอบแทนมากกว่า และรวยเยอะกว่าผู้เป็นเจ้าของปัจจัยอื่นๆ เป็นของธรรมดา
ไม่เพียงแต่จะอาศัยตำราของพิเก็ตตีปลอบใจตัวเองเท่านั้น ผมยังเชื่ออย่างจริงใจจากประสบการณ์และข้อเท็จจริงที่ผมพบเห็น… หากการพัฒนาประเทศจะเดินหน้าไปอย่างนี้ สถานการณ์ด้าน “ช่องว่าง” ของประเทศไทยเราก็คงจะยิ่งยํ่าแย่ลงไปอีก
จึงหันมาใช้วิธีเขียนขอร้องคนรวยผ่านคอลัมน์นี้อย่างตรงไป ตรงมา ขอให้หันมาช่วยรัฐบาลและราชการไทยในการแก้ปัญหาความจนด้วยอีกแรงหนึ่ง…หลายๆ ท่านคงจะพอจำได้ว่า ผมจะเขียนลงท้ายทุกครั้งที่หยิบข่าว “10 คนรวยสูงสุด” ของประเทศไทย โดย ฟอร์บส์ มาเขียนถึงในคอลัมน์อยู่เสมอๆ
ขณะเดียวกันก็หันมาเขียนให้กำลังใจคนรวย และขอให้ใช้ความรํ่ารวยและความสามารถในการบริหารของท่านเดินหน้าลงทุนต่อไป และขอให้ประสบความสำเร็จต่อไป
เพียงแต่ฝากเอาไว้ว่า เมื่อรวยแล้วเสียภาษีให้ถูกต้องแล้ว ก็ขอให้แบ่งปันเงินที่ได้มาจากความสำเร็จของท่าน มาช่วยเหลือเจือจานคืนให้คนไทยที่ยังยากจนด้วยวิธีต่างๆ
วันนี้ผมจึงขอให้กำลังใจเจ้าสัว เจริญ สิริวัฒนภักดี สำหรับโครงการ “วัน แบงค็อก” ที่ท่านลงทุนถึง 120,000 ล้านบาท
ผมยอมรับว่า ลึกๆ แล้วผมห่วงใยและกังวลใจมาก เพราะภาวะเศรษฐกิจทั้งของโลกและของไทยเรายังมีความไม่แน่นอนสูง ถือว่าโครงการนี้มีความเสี่ยงสูงไม่น้อย ถ้าส่งมาให้อดีตนักเศรษฐศาสตร์ใจเสาะอย่างผมวิเคราะห์ ผมจะไม่ให้ผ่านอย่างแน่นอน
ก็ขอให้ “วัน แบงค็อก” ประสบความสำเร็จนะครับ…สามารถฝ่าฟันปัญหาต่างๆ ด้านเศรษฐกิจไปได้อย่างดียิ่ง เพื่อนำกำไรบางส่วน มาช่วยเหลือคนจน เพื่อ “ลดช่องว่าง” ของประเทศเราในอนาคต ดังที่เจ้าสัวและครอบครัวมีโครงการด้านสังคมอยู่แล้วหลายๆ โครงการ
ที่สำคัญขอบคุณจริงๆ ครับที่ท่านเปิดตัวโครงการนี้อย่างยิ่งใหญ่ และพร้อมจะลุยไปข้างหน้า ถือเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่เศรษฐกิจไทยที่กำลังฟื้นตัวแผ่วๆ วันนี้ ให้ฟื้นตัวอย่างมั่นคงแข็งแรงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป.
“ซูม”