ตัวอักษรย่อ TG นั้นเป็นที่รู้จักอย่างดียิ่งของนักเดินทางท่องเที่ยวต่างแดนทั้งหลายว่าเป็นอักษรย่อที่ใช้แทน “สายการบินไทย” ของเรานั่นเอง
เหตุใดจึงใช้ TG ผมเคยอ่านคำเฉลยตามที่มีผู้รู้เขียนไว้และค้นได้จากกูเกิลค่อนข้างยาวมาก และยากที่จะนำมาอธิบายต่อสั้นๆ ได้…ก็เอาเป็นสรุปว่าสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) เขากำหนดให้ตัวอักษร TG เป็น Code แทนสายการบินไทย ของเราก็แล้วกัน
ทีนี้เมื่อได้โค้ดนี้มาแล้วคนไทยเราซึ่งไม่ทราบว่า TG ย่อมาจากอะไร ก็เอามาตีความกันเอง และในที่สุดก็ได้มติมาอย่างค่อนข้างเอกฉันท์แบบขำๆ ว่าน่าจะย่อมาจาก “Tomorrow Go” ซึ่งแปลตรงๆ ตัวว่า “ไปพรุ่งนี้” หรือ “พรุ่งนี้ค่อยไป”
นานๆ เข้าประเด็นที่คนไทยล้อเลียนอย่างขำๆ ทำท่าจะเป็นเรื่องจริงขึ้นมา เพราะมีคนเจอปัญหาสายการบินไทยของเราล่าช้าอยู่บ่อยๆ ก็เลยสรุปไปโดยปริยายว่า TG น่าจะมาจาก “Tomorrow Go” จริงๆ
ช่วงหนุ่มๆ ผมเดินทางมาก ทั้งไปทำงาน ทั้งได้รับเชิญจากองค์กรหรือบริษัทโน่นนี่ จะใช้บริการของการบินไทยเป็นหลัก โดยเฉพาะถ้าซื้อตั๋วเองจะต้องเริ่มที่การบินไทยแล้วค่อยไปต่อสายอื่นๆในกรณีที่เครื่องบินของเราไปไม่ถึง
อาจจะเป็นเพราะผมเป็นคนโชคดี หรือถูกโฉลกกับการบินไทยไม่ทราบได้ ไม่เคยปรากฏเหตุการณ์ใดๆ ที่จะทำให้บังเกิดความขุ่นข้องหมองใจในบริการของการบินไทยเลย
อย่างเรื่อง “ล่าช้า” ผมก็เคยเจออยู่บ้าง แต่อย่างเก่งก็แค่ 2-3 ชั่วโมง คือยังได้ไปในวันนี้ไม่ถึงกับไปวันพรุ่งนี้
เพิ่งจะมาเจอล่าช้าเกือบข้ามวันก็ที่โอซาก้าเที่ยวนี้แหละครับ เพราะรวมเวลาทั้งหมดแล้วต้องรอถึงเกือบ 13 ชั่วโมงที่สนามบิน
กำหนดเครื่องจะขึ้นเที่ยวกลับเวลา 11.45 น. ของโอซากา เราก็กัดฟันตื่นตั้งแต่ตี 5 (เพื่อเข้าคิวห้องน้ำ) และรอรถตู้ที่เหมาไว้มารับตอน 7 โมงเช้า ไปถึงสนามบิน 8 โมงเช้าเศษๆ
พอไปถึงเห็นป้ายบอกว่าเที่ยวเราจะออกจากโอซากาเปลี่ยนเป็นเวลา 3 ทุ่มครึ่ง (21.30 น.) ก็สะดุ้งโหยง เพราะจะต้องรอถึง 13 ชั่วโมง เป็นอย่างน้อยอย่างที่ว่า ณ สนามบิน
ระหว่างนั้นเห็นผู้โดยสารที่มาก่อนเราจำนวนมากไปเข้าคิว “เช็กอิน” กันอยู่ก็เลยตัดสินใจไปต่อคิวด้วย
ได้คูปองอาหารมาปลอบใจคนละ 4,000 เยน และได้เงินสดมาอีกคนละ 10,000 เยน สำหรับเป็นค่าทำขวัญในการที่จะต้องรอคอยอีก 10 ชั่วโมงเศษ (จากห้วงเวลาที่เราเช็กอินเสร็จ)
โชคดีที่พวกเราไม่มีธุระปะปังอะไรรออยู่…เพราะผมเองเขียนต้นฉบับล่วงหน้าไว้แล้วจึงไม่เดือดร้อน ลูกๆ เขาก็เคลียร์งานกันมาเรียบร้อยไม่เดือดร้อนเช่นกัน
แต่ผู้โดยสารอื่นๆ นี่สิบ่นกันพรึม…นักท่องเที่ยวออสเตรเลีย 2 เธอ บ่นว่าไม่ทันต่อเครื่องที่กรุงเทพฯ แน่ๆ…นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นอีก 2-3 คนเห็นทำปากมุบมิบ เผอิญผมอ่านฝีปากไม่ออกจึงไม่รู้ว่าบ่นอะไร!
ยังเสียดายที่คอลัมน์ผมช่วงหลังๆ ต้องพิมพ์ตัวโตหน่อยก็เลยเขียนยาวไม่ได้…ขออนุญาตเล่าสู่กันฟังเพียงแค่นี้…
ตอนที่การบินไทยล้มละลายครั้งกระนั้น ผมใจหายลงไปอยู่ที่ตาตุ่มอยู่หลายปี แต่เมื่อฟื้นกลับมาได้ผมก็ค่อยใจชื้น เพราะบอกแล้วว่าผมเชียร์การบินไทยและรักคุณเท่าฟ้ามาตลอด
ที่เขียนวันนี้ก็ยังรักอยู่ครับ เพียงแค่ห่วงใยเท่านั้น…พร้อมภาวนาอย่าให้เกิดล่าช้าหลายๆชั่วโมงแบบนี้บ่อยๆ ก็แล้วกัน…เดี๋ยวฉายา “Tomorrow Go” จะกลับมา
และถ้ากลับมาจริงๆ ผมก็กลัวว่าบินไทยที่ผมรักจะต้อง “สลบ” อีกครั้ง จะเดือดร้อนคุณ ชาญศิลป์ ตรีนุชกร น้องชายสุดที่รักคนหนึ่งของผม (จากเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์) จะต้องมาเขียนหนังสือเล่มใหม่…
“พลิกฟ้าฝ่าวิกฤติการบินไทยกับชาญศิลป์ ตรีนุชกร (ภาค 2)”…เอาน่ะซี.
“ซูม”