เปิดงานมาแล้ว 3 วัน สำหรับงานใหญ่เพื่อ “ความยั่งยืน” ของโลกมนุษย์ “Sustainability Expo 2024” ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จากการร่วมแรงร่วมใจของภาครัฐ ภาคเอกชน
ดังที่มีการแถลงข่าวโหมโรงล่วงหน้าอย่างครึกโครม เรียกแฟนๆ ที่สนใจในเรื่องความยั่งยืนแห่ไปเที่ยวงานอย่างคับคั่ง
มี “โซน” ต่างๆ ให้เดินถึง “10 โซน” มีทั้งการออกร้าน การจัดนิทรรศการ การประชุมสัมมนาโชว์ความรู้โชว์เครื่องมือการพัฒนาสมัยใหม่ เห็นแล้วตื่นตาตื่นใจกว่าทุกๆ ปี
ก็เป็นธรรมดาของการจัดงานปีนี้เป็นปีที่ 5 แล้ว คณะกรรมการจัดงานซึ่งมีคุณ ฐาปน สิริวัฒนภักดี แห่ง ไทยเบฟฯ เป็นหัวเรือใหญ่ ย่อมจะมีความรู้ความชำนาญมากขึ้น มีของแปลกๆ ใหม่ๆ มานำเสนอมากขึ้น
แต่สำหรับทีมงานซอกแซกก็เช่นเคย ขอเจาะจงไปที่ “โซนอาหาร” เลยครับ เพราะ เป็นโซนซึ่งฮิตที่สุดมีแฟนๆ ไปเยือนมากที่สุด ของแต่ละปีที่จัด…รวมทั้งปีนี้
ปรากฏว่าคณะผู้จัดงานเขามอบให้ใช้ Hall 5 ทั้งฮอลล์เป็นสถานที่จัดงานพร้อมระดมอาหารด้าน “ความยั่งยืน” อีกถึง 7 โซนย่อย เห็นแล้วตื่นตาตื่นใจ และ “ตื่นลิ้น” นํ้าลายไหลสอโดยไม่รู้ตัว
โซนแรก ได้แก่ โซน A เขาตั้งชื่อเป็นภาษาฝรั่งว่า NOAH = Functional Food หรือพลังแห่งอาหารที่รับประทานแล้ว “เป็นยา” ทั้งบำรุงร่างกาย และเพิ่มวิตามินและแร่ธาตุจำเป็น ฯลฯ
นอกจากอาหารประเภทผสมสมุนไพรต่างๆแล้ว ยังมีอาหารประเภท “ไส้อั่ว” เผา “เตาหลวง” และร้าน Eggyday จากเส้นโปรตีนไข่ขาวมาให้ทดลองด้วย
โซน B เป็นประเภท “Low Sugar, Low Sodium, Low Fat” นํ้าตาลน้อย โซเดียมน้อย ไขมันน้อย ช่วยลดความเสี่ยง โรคหัวใจ ความดัน…มีมาให้ลิ้มลองหลายรส และเมนู รวมทั้ง “บัวลอย แม่สุวรรณ์” ที่นํ้าตาลตํ่ามาก ผู้ป่วยเบาหวานก็รับประทานได้
โซน C ประเภทปรุงด้วย พลังงานสะอาด และพลังงานหมุนเวียน ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก โซนนี้ถือเป็นโซนอนาคต จะมี “เชฟดัง” ระดับชาติและท้องถิ่นจำนวนมากยกอาหารมาโชว์
โซน D อาหารจากแหล่งรวมวัตถุดิบท้องถิ่นและภูมิภาคใกล้เคียง ซึ่งจะช่วยลดการขนส่ง ลดการใช้พลังงานและสนับสนุนความยั่งยืนของแต่ละพื้นที่ในชนบท เช่น ไส้อั่ว, ปลาร้า, หอยจ๊อ ฯลฯ
โซน E อาหารจาก พืชและวีแกน ไม่มีส่วนประกอบจากสัตว์ และยังมีอาหารแห่งอนาคตคือ “เนื้อ” จากพืชหรือโปรตีนจากเซลล์ของการหมักมาให้ลิ้มลองด้วย
โซน F แหล่งรวมอาหารคาร์บอนต่ำหรืออาหารที่ผลิตโดยปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยที่สุด ส่วนใหญ่เป็นอาหารจากพืชที่ปลูกด้วยเทคโนโลยีการทำฟาร์มแบบใช้พลังงานน้อยทั้งในการเพาะปลูกและขนส่ง
สุดท้าย โซน G หรือรีไซเคิล เป็นโซน ที่ทั้งโซนจะใช้ผลิตภัณฑ์รีไซเคิลเป็นภาชนะและเครื่องปรุง รวมไปถึงการเปลี่ยนของเสียให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่
ครับ! รวมทั้งสิ้น 7 โซนพอดิบพอดี โดยจะมีคำอธิบายขึ้นป้ายไว้ในแต่ละโซนดังที่หัวหน้าทีมคัดลอกมาข้างต้น จากนั้นก็จะเป็นร้านอาหารตัวอย่างต่างๆ ซึ่งเมื่อซื้อหามาแล้วก็จะมีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งรับประทานกระจายตามจุดต่างๆ ของฮอลล์
อ่านคำอธิบายจากโซนต่างๆ แล้วอาจนึกไม่ออกว่ามีอาหารอะไรบ้าง ก็ลองมาดูรายชื่อที่ทีมงานซอกแซกจดมาเป็นตัวอย่างดีกว่า แม้จะไม่แน่ใจว่าอาหารประเภทไหนอยู่ในโซนไหนบ้าง เพราะบรรยากาศค่อนข้างมืดออกทางโรแมนติก
แต่จากชื่อ อาหารและร้านค้า ก็น่าดีใจครับ ที่พบว่าอาหารต่างๆ ที่เรารับประทานอยู่ตามร้านดังต่างๆ ก็เป็นอาหาร “ยั่งยืน” เข้าสูตรรับประทานแล้วช่วยกู้โลกเช่นกัน
เช่น ทับทิมกรอบวังหลัง, น้ำจิ้มแม่สุพร, จินต รสไทย, “ผัดไทย” สูตรสงคราม โลก 2, ข้าวมันไก่มณเฑียร, ตั้งใจย่าง, ไก่ย่าง 5 ดาว และอาหารคาวหวาน S&P, วีรวัฒน์ ข้าวต้มปลาเก๋า ศรีนครินทร์, “ลุงนะ” ยำผลไม้ไฮโซ, ราดหน้าโรงเหล็ก, ข้าวขาหมูเพลินพุง, ไอศกรีมกะทิสด ทับสะแก, ก๋วยเตี๋ยววัดดงมูลเหล็ก, ร้านบ้านป้าหนู (หอยจ๊อ, ทอดมัน)
ขนมไทยเสน่ห์จันทร์, กุยช่าย “ฮ่องเต้” บาง-กรอบ, ยำตาโฟ, ขนมตะโก้พิมพ์ใจ ตลาดน้ำคลองลัดมะยม, ขนมจีนภูเก็ต บ้านอาม่า, ข้าวมันไก่ 3 พี่น้อง ฯลฯ (เครือ) โออิชิ แล้วก็ KFC ไก่ทอดด้วย
ทั้งหมด 130 ร้าน จดมาได้เท่านี้เอง แต่ก็ล้วนร้านดังๆ ทั้งสิ้น ไม่ดังระดับริมถนนก็ดังออนไลน์ มีเครือข่ายนับสิบๆแห่ง
นับจากนี้ไปยังมีเวลาอีก 1 สัปดาห์ หรือ 7 วันเต็มๆ สำหรับการไปลิ้มลองและ ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับอาหารที่รับประทานแล้วจะทำให้ “ยั่งยืน”ทั้งโลกทั้งสิ่งแวดล้อมและตัวเราเอง….
ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติ สิริกิติ์ เวลา 10.00-20.00 น. ถึงวันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคมนะครับ.
“ซูม”