ทั้งวันพระใหญ่ “อาสาฬหบูชา” และ “วันเข้าพรรษา” ปีนี้ ผมไม่ได้แวะไป “เวียนเทียน” หรือไป “แห่เทียน” เพื่อถวาย แด่พระภิกษุสงฆ์ที่วัดใดๆ เลย…ขลุกอยู่กับบ้านตลอดทั้ง 2 วัน
แต่ก็เข้าไปกราบพระในห้องพระประจำบ้าน ใช้เวลาสวดมนต์ตั้งจิตอธิษฐาน ทำใจให้สงบ พร้อมขอพรพระทุกองค์โปรดช่วยดลบันดาลให้พี่น้องชาวไทยทุกท่านตลอดจนทุกๆคนในครอบครัวของผม จงประสบแต่ความสุขความเจริญและ “ไม่เจ็บ ไม่จน”
ในช่วงภาวะเศรษฐกิจขยายตัวอย่างเชื่องช้า ที่ประเทศไทยของเราประสบอยู่ขณะนี้…พร “ไม่เจ็บ…ไม่จน” น่าจะประเสริฐสุด
เพราะถ้าเจ็บก็จะต้องสิ้นเปลืองค่ารักษาพยาบาล และอาจต้องหยุดงาน ต้องขาดงาน อาจถูกตัดเงินเดือนที่จนๆกันอยู่แล้วก็ยิ่งจะจนลงไปอีก เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่เจ็บ…ก็จะช่วยไม่ให้จนได้ในระดับหนึ่ง
ออกจากห้องพระก็นึกขึ้นมาได้ ทุกๆ เทศกาลเข้าพรรษาทางกระทรวงสาธารณสุขท่านจะมีโครงการสำคัญโครงการหนึ่งที่ถือเป็นโครงการประเพณีเคียงคู่กับประเพณีแห่เทียนพรรษามานานพอสมควร
โครงการ “งดเหล้าเข้าพรรษา” นั่นแหละครับ หวังว่าท่านผู้อ่านจะคุ้นกับชื่อโครงการนี้
ก่อนหน้าที่จะมาเป็นโครงการของกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการหยิบยกมาพูดถึงมาเขียนถึงอยู่แล้วตามสื่อต่างๆ เพราะเป็นประเพณีปฏิบัติของพี่น้องในชนบทมายาวนานมาก ตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กอยู่ต่างจังหวัดโน่นแล้ว…ที่จะมีการหยุดดื่มเหล้าในเทศกาลเข้าพรรษา
เพียงแต่ยังเป็นกลุ่มก้อนเล็กๆ และมักจะอยู่ในกลุ่มของผู้มีอายุมากพอสมควรแล้ว ยังไม่แพร่หลายทั่วไป
เมื่อกระทรวงสาธารณสุขท่านเริ่มออกมารณรงค์เชิญชวนให้ “งดเหล้า เข้าพรรษา” ซึ่งผมเห็นด้วยอย่างยิ่งอยู่แล้ว จึงนำมาเขียนให้เกือบๆ ทุกปีในช่วงแรกๆ
จำได้ว่าช่วงเริ่มรณรงค์ใหม่ๆ มีผู้ร้องเรียนว่าโครงการนี้อาจไม่ได้ผล เพราะมีผู้พบว่าผู้เข้าร่วมโครงการและอุตส่าห์งดเหล้าได้ถึง 3 เดือนนั้น กลับมาดื่มใหม่ทันทีใน “วันออกพรรษา” นั่นเอง แถมดื่ม หนักกว่าเดิมเสียอีก ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่าการที่ช่วยกันรณรงค์ให้งดการดื่มในช่วงเข้าพรรษาแทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ดังนั้น ในการรณรงค์ปีต่อๆมา ในส่วนของผมจึงเน้นประเด็นนี้เอาไว้ด้วย คือขอร้องนักดื่มที่จะเข้าโครงการนี้ว่า ไหนๆ ก็อุตส่าห์งดได้ถึง 3 เดือนแล้ว ก็ขอให้งดไปตลอดกาลจะเป็นคุณอย่างยิ่งแก่ตัวท่านเอง
ผมเข้าใจว่า ในปีต่อๆ มาปัญหาเรื่องผู้เลิกดื่มในช่วง 3 เดือน ระหว่างเข้าพรรษาแล้วหันมาดื่มหนักกว่าเก่า น่าจะน้อยลงหรือแทบไม่มีอีกแล้ว ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงเดินหน้ารณรงค์ต่อมาเรื่อยๆ รวมทั้งในปีนี้
ล่าสุดมีการเปิดเผยข้อมูล โดย “สสส.” หรือ กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ว่า จากการประเมินโครงการ “งดเหล้า เข้าพรรษา” ปี 2565 ที่ผ่านมา พบว่ามีประชาชนเข้าร่วมเพิ่มมากขึ้นกว่าปีก่อนๆ
โดยมีจำนวนรวมถึง 10.2 ล้านคน จากยอดจำนวนผู้ดื่มสุราเป็นประจำ 24.8 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้เกือบ 8 แสนคน
จากกลุ่มตัวอย่างยังพบด้วยว่าในจำนวน 10.2 ล้านคน ที่ตัดสินใจงดเหล้าช่วงเข้าพรรษาดังกล่าว มีถึง 21.3 เปอร์เซ็นต์ งดดื่ม 90 วันเต็มๆ งดบางส่วนบางเวลา 9.1 เปอร์เซ็นต์…และไม่งด แต่ลดการดื่มลงประมาณ 10.5 เปอร์เซ็นต์
ที่น่ายินดีอย่างยิ่งก็คือ กลุ่มตัวอย่างถึง 66.3 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่า ได้รับผลดีอย่างยิ่งจากการงดเหล้าเข้าพรรษา โดยเฉพาะสุขภาพร่างกายดีขึ้น สุขภาพจิตใจดีขึ้น แทบจะกลายเป็นคนใหม่ไปเลยทีเดียว
แถมยังสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้ถึง 1,506.97 บาทต่อคน และรวมทั้งประเทศ ตลอดเทศกาลประหยัดเงินได้ถึง 4,200 ล้านบาท
สรุป…เพื่อให้พร “ไม่เจ็บ ไม่จน” ที่ผมขอ “พระ” ท่านไว้สำหรับปีนี้บังเกิดผล เห็นจะต้องเริ่มด้วยการสมัครเข้าโครงการ “งดเหล้า เข้าพรรษา 2567” นี่แหละครับ
ครบ 3 เดือนจะได้ตัวเราที่เป็น “คนใหม่” แข็งแรง ไม่เจ็บ ไม่ไข้ทันตาเห็น…และยังประหยัดเงินได้คนละ 1,500 กว่าบาท รวมทั้งประเทศกว่า 4 พันล้านบาท หายจนไปเยอะเชียวนะครับทำเป็นเล่นไป.
“ซูม”