วันนี้ (จันทร์ที่ 15 กรกฎาคม 2567) เป็นวันสุดท้ายของงาน “มหรสพสมโภชเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ที่จัดขึ้น ณ ท้องสนามหลวง มาตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคม
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ซึ่งภาคราชการ ภาคเอกชน และประชาชนได้ร่วมกัน จัดงานต่างๆ เพื่อเฉลิมฉลองมาตั้งแต่ต้นปีนี้ รวมทั้งงานที่สนามหลวงครั้งนี้ด้วย
แกนหลักของงานนี้ก็คือกระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับพันธมิตรทั้งภาคราชการและภาคเอกชน ดังที่ทราบกันดีอยู่แล้วจากรายงานข่าวที่เผยแพร่มาก่อนหน้านี้ และในวันเปิดงานที่ยิ่งใหญ่อลังการเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ผมเองนัดแนะลูกๆ หลานๆ ไว้แล้วว่าจะไปชมบรรยากาศงานในวันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม ซึ่งจำเป็นต้องส่งต้นฉบับล่วงหน้าก่อน คงไม่สามารถเขียนเล่าถึงบรรยากาศที่จะเห็นด้วยตาตนเองได้
เหตุที่ต้องรีบเขียนทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ไปเดินในงานก็เพราะอ่านโปรแกรมของวันสุดท้ายคือ วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคมนี้แล้วพบว่าจะมีการแสดงที่สวยงามประทับใจมากอยู่การแสดงหนึ่ง ที่ไม่อยากให้ท่านผู้อ่านพลาด
นั่นก็คือ การแสดงอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) เฉลิมพระเกียรติ ชุด “รวมใจภักดิ์ถวายพระพร” ซึ่งน่าจะเป็นชุดเดียวกับที่แสดงในวันเปิดงานนั่นเอง
ผมมีโอกาสได้ชมจากการรายงานของโทรทัศน์หลายช่อง และได้ดูซ้ำอีกหลายครั้งจากรายงานของ ยูทูบเบอร์ หลายๆ คน ในเว็บไซต์ “ยูทูบ” หลังการแสดงจบลง
ได้เห็นพัฒนาการของการแสดง “โดรน” 1,200 ลำ ที่ท้องสนามหลวง มาตั้งแต่การแสดงครั้งแรกเมื่อวันบรมราชาภิเษก 3 พฤษภาคม 2562 มาจนถึงบัดนี้ด้วยความปลาบปลื้มอย่างยิ่ง
เพราะมีการแปรรูปจัดขบวนเป็นภาพต่างๆ ที่งดงาม และเสมือนจริงยิ่งขึ้นเรื่อยมาโดยตลอด…โดยเฉพาะพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่แปรภาพได้ราวกับการแปรอักษรบนอัฒจันทร์ของนิสิตจุฬาฯ นักศึกษาธรรมศาสตร์รุ่นเก่าๆ เลยทีเดียว
ในฐานะนักข่าวประเทศและต้องแปลข่าวสงครามและการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ในการเข่นฆ่าสังหารมนุษย์ด้วยกันเมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว ผมยังจำได้ดีว่า เริ่มมีการคิดค้น “อากาศยานไร้คนขับ” ที่ว่านี้ขึ้นมาใช้เป็นอาวุธทำร้ายและทำลายซึ่งกันและกันอย่างแพร่หลาย
มีการผลิตทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก โดยมีวัตถุระเบิดติดไปด้วย ไปทำลายล้างคู่ต่อสู้ เป็นข่าวอยู่เสมอๆ
แม้ทุกวันนี้ “โดรน” ก็ยังเป็นอาวุธร้ายที่ใช้ในสงคราม รัสเซีย–ยูเครน หรือในตะวันออกกลาง เป็นข่าวทุกวัน
อย่างไรก็ดี เมื่อสัก 20 กว่าปีมานี้กระมังได้มีการผลิตโดรนขนาดต่างๆ ออกมาใช้ในภารกิจที่ไม่ใช่การสงครามมากขึ้น และแพร่หลายขึ้น
เช่นนำมาติดกล้องถ่ายภาพ หรือวิดีโอสำหรับการถ่ายมุมสูงของช่องโทรทัศน์ต่างๆ บ้าง การหว่านเมล็ดพืชพันธุ์เกษตรในไร่นาบ้าง การขนส่งวัสดุครุภัณฑ์บ้าง และในทางบันเทิงเริงรมย์ หรือความสวยงามก็นำมาใช้แปรภาพ แปรอักษรในงานพิธีสำคัญๆ
อย่างเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันชาติสหรัฐฯ ที่ผ่านมา ก็มีข่าวว่าหลายๆ เมืองในสหรัฐฯนำโดรนประดับแสงสีมาแปรเป็นภาพสวยงามแทนการ “ยิงพลุ” ซึ่งจะต้องใช้ดินปืน ทำให้เกิดควัน เกิดเขม่า ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน หรือ PM 2.5 หรืออากาศที่เป็นพิษเพิ่มขึ้น
ประกอบกับราคา “โดรน” ก็ถูกลง เห็นประกาศขายในออนไลน์ด้วยราคาที่พอจะควักเงินจ่ายได้ เป็นหลักหมื่นบาทบ้าง แสนบาทบ้าง โดยเฉพาะในกิจการเกษตร ซึ่งต้องใช้ตัวใหญ่หน่อยก็อยู่ในหลัก 2 แสนบาท เป็นต้น
แม้ทุกวันนี้จะมีการใช้ “โดรน” เป็นอาวุธอยู่มากทั่วโลก แต่ก็มีการนำมาใช้ในการพัฒนา และการบันเทิง ควบคู่กันไปด้วย
รวมทั้งของบ้านเราที่มีการนำมาใช้ในการแสดงเฉลิมพระเกียรติที่แสดงอย่างประทับใจมากในวันเปิดงาน “มหรสพสมโภช” และจะแสดงอีกครั้งในช่วงปิดงานคืนนี้ เวลา 22.00-22.15 น.
อย่าลืมแวะไปชมและไปถ่ายวิดีโอโดรนเฉลิมพระเกียรติชุดนี้เพื่อบันทึกไว้ในมือถือประจำตัวของท่านกันด้วย
พร้อมกับชมความสวยงามของการแสดงมหรสพต่างๆตลอดจน “ขบวนแห่” และ “สวนแสงไฟ” อันตระการตาที่เหมาะแก่การถ่ายรูป “เช็กอิน” บันทึกไว้อวดลูกหลานในอนาคตด้วยความภูมิใจที่เกิดมา ภายใต้ร่มพระบารมีพระมหากษัตริย์ไทย.
“ซูม”