หลังจากขับเคี่ยวกันมา 1 เดือนเต็มๆ ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2567 ในที่สุดเราก็ได้คู่ชิงแชมป์ “ฟุตบอลยูโร 2024” เป็นที่เรียบร้อย… และจะได้ฤกษ์ลงเตะตัดสินว่าใครจะเป็นจอมยุทธ์ ลูกหนังยุโรปในเวลาตี 2 ของคืนวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคมนี้
อย่าลืมตั้งนาฬิกาปลุกตื่นมาดูชมกันด้วยนะครับ เพราะ “คู่ชิง” ครั้งนี้ถือว่าถูกฝาถูกตัวและสูสีสุดประมาณชนิดต้องลุ้นตัวเกร็งอย่างแน่นอน
ระหว่าง “อังกฤษ” สิงโตคำราม ที่เป็น “เต็ง 1” มาตั้งแต่ก่อนแข่งและเริ่มแข่งใหม่ๆ แม้จะจบแบ่งกลุ่มแล้วก็ยังเต็ง 1 อยู่ดี…กับ “สเปน” จากแดนกระทิงดุที่เป็น “เต็ง 5” ก่อนแข่ง แต่แล้วก็โชว์ฟอร์มสุดยอดกลายเป็น “เต็ง 1” ขึ้นมาทันที เมื่อเหลือ 4 ทีมสุดท้าย
ณ นาทีก่อนลงสนามในรอบชิงคืนวันอาทิตย์นี้ บรรดาผู้สันทัดกรณีทั้งที่ลอนดอนและลาสเวกัส เห็นตรงกันว่า นักเตะ “กระทิงดุ” ยังเหนือกว่า “สิงโตคำราม” อยู่พอประมาณ
สาเหตุที่บรรดา “อาจารย์ใหญ่” ของทั้งลาสเวกัส และลอนดอนฟันธงให้ “สเปน” เหนือกว่า ก็น่าจะเป็นเพราะผลงานที่ “ชนะรวด” ถึง 6 ครั้ง นับแต่รอบแบ่งกลุ่มมาจนถึงรอบน็อกเอาต์
พร้อมกับการให้กำเนิด “ตำนานใหม่” แห่งวงการลูกหนัง เจ้าหนู ลามิน ยามาล ที่ยิงประตูแรกของเขาได้ในนัดตัดเชือกชนะฝรั่งเศสด้วยอายุเพียง 16 ปี 362 วันเท่านั้น
เขาจะมีอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ วันเสาร์ที่ 13 ก.ค.นี้ และในวันชิงแชมป์ยูโร 2024 วันอาทิตย์ ที่ 14 ก.ค. เขาจะมีอายุ 17 ปี กับ 1 วัน
เรื่องราวของ ลามิน ยามาล ลูกชายของผู้อพยพชาวโมร็อกโก กลายเป็น “ทอล์ก ออฟ เดอะเวิลด์” ไปในที่สุด
มีการเผยแพร่ขณะเขาเป็น “เด็กน้อย” ที่นอนให้ ลีโอเนล เมสซี ตำนานของอาร์เจนตินา และบาร์เซโลนา อุ้มอย่างอบอุ่น เสมือนหนึ่งจะบอกให้รู้ว่าเด็กหนุ่มรายนี้มีชะตาชีวิตที่มิใช่ธรรมดา เพราะได้รับการ “ลูบศีรษะ” จากนักเตะยิ่งใหญ่ของโลกอย่างเมสซีมาแล้ว
เขากลายเป็น “ความหวัง” ของชาวสเปนในการเล่นคู่เคียงกับ นิโค วิลเลียมส์ เลือดเนื้อเชื้อไขของผู้อพยพหนีความอดอยากและภัยสงครามจากกานา ข้ามทะเลทรายซาฮารามาฝากชีวิตไว้ในราชอาณาจักรสเปน ที่สามารถถีบตัวขึ้นมาเป็นนักเตะแนวหน้าของทีมกระทิงดุ ในวัยเพียง 22 ปี
เมื่อจับไปหล่อหลอมกับจอมเก๋าคนอื่นๆ จึงกลายเป็นพลังหลักของกุนซือ หลุยส์ เดลาฟวนเต ในการนำทัพ กระทิงดุ ลุยมาถึงรอบชิงชนะเลิศ และกลายเป็นทีม “เต็ง 1” ในที่สุด
ข้างฝ่ายสิงโตคำรามนั้น แม้จะมีนักเตะระดับเวิลด์สตาร์เป็นกระบิ แต่ก็เล่นไม่ค่อยเข้าขากัน และดูเหยาะแหยะขาดลูกทีเด็ดขาดที่แหลมคม
เป็นเหตุให้ แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือใหญ่ ถูก “สับเละ” ยิ่งกว่าทัวร์ลง
อังกฤษผ่านรอบแบ่งกลุ่มมาด้วยชัยชนะแค่หนเดียว เสมอ 2 หน ได้อันดับ 1 ไปแบบเขินๆ–มาน็อก สโลวะเกีย ได้ 2-1 รอบ 16 ทีม ก็ต้องต่อเวลา และตอนน็อกสวิตเซอร์แลนด์ รอบ 8 ทีม ก็เสมอ 1-1 ต่อเวลาไปชนะด้วยยิงลูกโทษ 5-3
เพิ่งจะมาชนะสวยหน่อยตอนรอบเซมิที่เฉือนเนเธอร์แลนด์ไป 2-1 อย่างสุดมันส์
ด้วยฟอร์มเล่นเช่นนี้แหละที่คณาจารย์เชิงบอลทั้งหลายต้องตัดสินใจวางตัวให้อังกฤษเป็นรอง สเปน ในการเตะวันอาทิตย์นี้
สำหรับ “จ่าแฉ่ง” รักทั้ง 2 ทีม ใครชนะก็ดีใจด้วยทั้งคู่ แต่ก็แอบใจเอาไว้เชียร์อังกฤษอยู่หน่อยๆ…หวังว่า เซาธ์เกต และบรรดา “ซุปตาร์” อังกฤษทั้งหลายจะผนึกกำลังกันแผลงฤทธิ์ในนัดสุดท้ายได้สำเร็จ
สเปนได้แชมป์ยูโรมาแล้วถึง 3 ครั้ง อังกฤษยังไม่ได้เลยสักครั้งเดียว 4 ปีที่แล้วชิงก็แพ้ดวลลูกโทษอิตาลี…หวังว่าจะโชคดีได้แชมป์กับเขาซักทีเด๊อ สิงโตคำราม.
“จ่าแฉ่ง”