ประเทศไทยของเราก้าวเข้ามาอยู่ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 ตั้งแต่เดือนเมษายน และเมื่อมาถึงวันนี้ 4 มิถุนายน ก็ถือว่าเข้าสู่เดือนสุดท้ายของไตรมาสนี้เรียบร้อย และก็เหลืออีกเพียงไม่ถึง 30 วัน ไตรมาส 2 ก็จะผ่านไป
ประเด็นที่หลายๆ ฝ่ายเป็นห่วงอยู่เสมอๆมาตลอดทุกๆ ปี สำหรับไตรมาสนี้เห็นจะเป็นประเด็นเรื่องท่องเที่ยวนั่นแหละครับ เพราะไตรมาส 2 จะอยู่ในช่วงที่เรียกกันว่า “โลว์ซีซัน” นักท่องเที่ยวจะเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยน้อยลง โดยเฉพาะจากปลายเมษายนถึงพฤษภาคมและมิถุนายน
ช่วงนี้ในการประชุมสัมมนาหรือแถลงข่าวของภาคเอกชนเรา จึงได้ยินการพูดถึงปัญหาการท่องเที่ยวถี่มากขึ้น พร้อมกับคำถามว่า รัฐบาลเตรียมมาตรการไว้ “รับมือ” อย่างไรบ้างสำหรับในช่วงโลว์ซีซัน
เท่าที่ผมคุยกับผู้ประกอบการโรงแรมรายใหญ่หลายๆ ท่าน แม้ทุกคนจะยอมรับว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ แต่ก็จะหมายเหตุอยู่เสมอว่าเป้าที่ว่านี้เป็นเป้าใหม่ที่ตํ่ากว่าสถานการณ์ก่อนโควิด
ดังนั้น หากไปเทียบกันช่วงพีกๆ ของการท่องเที่ยวที่ผ่านมา…ของปีนี้ที่ว่าดีขึ้นจะอยู่เพียงราวๆ ร้อยละ 80 กว่าของปี 2562 ก่อนโควิดเท่านั้น
หลายๆ คนบอกยังรอคอนเฟิร์มตัวเลขเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคม ว่าจะออกมาอย่างไร เพราะอัตราห้องพักและจำนวนผู้เข้าพักของโรงแรมในเครือข่ายที่ให้ข้อมูลกับผม ดูเหมือนว่าจะลดฮวบลงเร็วกว่าที่คาด
ทำให้ผมพลอยเป็นห่วงไปด้วย เพราะถ้าภาคท่องเที่ยวชะลอลงอีกอย่างสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยจะหนักหนาสาหัสลงไปอีก
มีมาตรการมีแนวทางใดที่จะช่วยเหลือบรรดาผู้ประกอบการต่างๆ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบจัดโปรพิเศษในช่วงที่ว่านี้ หรือจะดำเนินการอย่างใดอีก ผมขอฝาก กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งผมเชื่อว่าน่าจะเตรียม “โครงการพิเศษ” ต่างๆ เอาไว้แล้ว
รวมทั้งมาตรการวีซ่าฟรี 93 ประเทศที่เริ่มในต้นเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งก็มีข่าวว่าสร้างความคึกคัก มีนักท่องเที่ยวจากประเทศใหม่ๆ 36 ประเทศที่รัฐบาลเพิ่มให้เดินทางเข้ามาไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะจากอินเดีย ทำให้คาดหวังได้ว่าโครงการนี้น่าจะประสบผลสำเร็จ
ก็พอดีเมื่อวานนี้อ่านข่าวดีข่าวหนึ่งเกี่ยวกับประเทศไทย ซึ่งเป็นข่าวเก่าที่เคยสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยอย่างมากกลับมาเป็นข่าวดัง อีกหน ผมก็หวังว่าน่าจะมาช่วยเสริมพลังในช่วงโลว์ซีซันได้อย่างดียิ่ง
ข่าวนักท่องเที่ยวสาวจีนตั้งครรภ์ที่มาตกหน้าผาที่อุทยานผาแต้มเมื่อปี 2019 แต่โอละพ่อกลายเป็นว่าเธอโดนสามีตั้งใจสังหาร หวังฮุบมรดก จึงผลักเธอตกลงมาจากยอดผา แต่โชคดีต้นไม้เกี่ยวไว้ และทางเจ้าหน้าที่อุทยานก็ไปช่วยเร็วมาก นำเธอส่งโรงพยาบาลจนเธอรอดมาได้ แถมยังแจ้งตำรวจให้ทราบถึงข้อเท็จจริงจนเกิดการจับกุมสามีไปเรียบร้อย
ต่อมาเมื่อปลายเดือนเมษายนปีนี้ สาวจีนที่ชื่อ หวัง หนวนหน่วน บินกลับมาประเทศไทยแล้วไปขอบคุณเจ้าหน้าที่อุทยานผาแต้ม พร้อมนำกระเช้าของขวัญมามอบให้หลายกระเช้า ส่งผลให้สื่อจีนและสื่อเอเชียลงข่าวพาดหัวใหญ่ แสดงความชื่นชมต่อเจ้าหน้าที่อุทยานไทย ทำให้ประเทศเราพลอยได้ผลดีจากข่าวไปด้วย
ล่าสุดเมื่อ 1 มิ.ย.นี้เอง เมเนเจอร์ ออนไลน์ รายงานว่า คุณ หวัง หนวนหน่วน ประกาศข่าวล่าสุดว่าเธอตั้งครรภ์แล้ว (ลงรูปโชว์ด้วย) พร้อม โพสต์ข้อความว่า “ฉันไม่คาดคิดเลยว่าจะประสบเหตุมหัศจรรย์อีกครั้ง…ฉันจำได้แต่เรื่องที่สูญเสียลูกในวันนั้น จิตใจของฉันว่างเปล่าเคว้งคว้างไปหมด”
“มันทำให้ฉันเข้าใจพ่อแม่ที่สูญเสียลูก และตามหาลูกทั่วสารทิศอย่างสุดความสามารถ เพราะตอนที่สูญเสียลูกในท้อง ฉันหวังเหลือเกินจะให้ลูกกลับมา! บัดนี้…วันเวลาผ่านไป 5 ปี 1,882 วัน ลูกรัก ขอบใจเธอมากที่กลับมาอยู่กับแม่อีกครั้ง” อ่านแล้วซึ้งอย่าบอกใคร
แม้เธอจะไม่บอกว่าพ่อของเด็กเป็นใคร แต่โพสต์ของเธอในโซเชียลมียอดวิวเป็นอันดับ 1 “ฮอตเสิร์ซ” ของโซเชียลจีนไปเรียบร้อย
หวังว่าข่าวนี้จะเป็น “คุณ” แก่ประเทศไทย และทำให้คนจีนอยากมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้นนะครับ ในช่วงโลว์ซีซันที่กำลังจะมาถึงนี้.
“ซูม”