ผมเพิ่งจะเขียนแสดงความยินดีแก่ชาวสิงคโปร์ไปหมาดๆ เมื่อวานนี้เอง ที่ได้นายกรัฐมนตรีหรือผู้นำคนใหม่ ที่เรียกได้ว่ามีคุณภาพคับแก้ว เพราะได้มีการสร้างสมประสบการณ์ไว้แล้ว และทดลองปฏิบัติงานในกระทรวงสำคัญๆ ปรากฏผลงานเป็นที่ประจักษ์
ทำให้เชื่อมั่นได้ในระดับหนึ่งว่า ท่านลอว์เรนซ์ หว่อง หรือ “โกหว่อง” (เพราะท่านมีเชื้อสายไหหลำ) น่าจะเป็นผู้นำที่ดี และสามารถนำพาสิงคโปร์ให้เจริญก้าวหน้าต่อไปได้อีกอย่างไม่หยุดยั้งในวันข้างหน้า
แน่นอน…อนาคตเป็นเรื่องที่ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น …อาจจะมีบางสิ่งบางอย่างมาดับดาวรุ่ง ทำให้ท่านนายกฯ หว่องทำงานได้ไม่สมกับที่ประชาชนของท่านคาดหวัง
แต่นั่นก็ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต ขอเพียงเราเตรียมตัวในปัจจุบันให้ดีที่สุดพร้อมที่สุดก็พอแล้ว ซึ่งพรรคการเมืองใหญ่ของสิงคโปร์ เขาก็ได้ทำหน้าที่ของเขาแล้วด้วยการสร้างสั่งสมบารมี และความสามารถให้แก่คุณลอว์เรนซ์ หว่อง เท่าที่จะสามารถสร้างได้
ซึ่งหากถ้าเราเชื่อภาษิตโบราณที่ว่า “ฟอร์มดีมีชัยไปกว่าครึ่ง” หรือแปลงเป็นภาษิตปัจจุบันว่า “คนดีมีชัยไปกว่าครึ่ง” ก็น่าจะเป็นที่คาดหวังได้ว่า…สิงคโปร์ น่าจะเป็น “ผู้ชนะ” ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เหนือพวกเราเพื่อนร่วมอาเซียนต่อไปใน 5 ปี 10 ปีข้างหน้าโน้น
ปลื้มใจแทนชาวสิงคโปร์ และดีใจแทนชาวไหหลำอยู่หลัดๆ วันนี้ต้องมาเขียนถึง “นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย” กลับมีความรู้สึกที่ต่างกันราวหน้ามือกับหลังมือ
แทนที่จะรู้สึกดีใจ…ลิงโลด…หรือมีความหวัง…กลับต้องมานั่งลุ้นว่าอะไรจะเกิดขึ้นแก่นายกรัฐมนตรีของไทยบ้างหนอ ท่านจะอยู่หรือจะไป? จะโดนพักงานไหม? และหลังจากนั้นจะต้องกระเด็นไหม?
คนละอารมณ์กับเวลาเขียนถึงนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ว่าอย่างนั้นเถิด
ขณะที่ผมนั่งเขียนต้นฉบับวันนี้…ยังไม่ถึงวันและเวลาที่ศาลรัฐธรรมนูญจะประชุม เพื่อพิจารณาว่าจะรับคำร้องที่ท่าน สว. 40 ราย เข้าชื่อมาให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าความเป็นนายกฯของคุณเศรษฐาและความเป็นรัฐมนตรีของคุณพิชิตสิ้นสุดลงหรือไม่ ตามหลายๆมาตรา ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
ที่สำคัญเมื่อวันอังคารที่ผ่านมานี้เอง คุณพิชิต ชื่นบาน ซึ่งเป็นเป้าสำคัญในคำร้องของ สว. ได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไปก่อนแล้ว
โดยมีเจตนาว่าจะตัดตอน มิให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเรื่องนี้ต่อไป ทั้งนี้ ก็เพื่อปกป้องมิให้มีการพิจารณาไปถึงกรณีของท่านนายกรัฐมนตรี ที่บรรดา สว.เสนอมาด้วย
แต่ก็มีผู้รู้หลายๆ ท่านออกมาถกเถียงกันว่าในกรณีหลังอาจไม่สามารถสรุปได้เช่นที่คุณพิชิตคาดหวัง เพราะการกระทำได้เกิดขึ้นแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญจึงอาจต้องมีการพิจารณาว่าควรรับเรื่องไว้พิจารณาหรือไม่? อย่างไร?
ถ้ารับไว้ ก็เป็นไปได้ที่จะต้องสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติงาน จนกว่าการพิจารณาจะแล้วเสร็จ และออกมาในลักษณะใด
การประชุมพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวานนี้ (23 พ.ค.) จึงสำคัญมาก และป่านฉะนี้ก็น่าจะมีมติเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งออกมาแล้ว
ทุกอย่างจะจบแค่คุณพิชิต ไม่มาถึงท่านนายกฯ เศรษฐา? หรือว่าในที่สุดก็มาถึงจนได้ และจำเป็นที่นายกฯ เศรษฐาจะต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่? ท่านผู้อ่านอาจจะทราบก่อนผม
ถึงได้บอกว่า พอจะเขียนถึงนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทยขึ้นมาบ้าง ก็มีแต่เรื่องที่ไม่ค่อยสบายอกสบายใจ อันเป็นผลมาจากการแบ่งฝัก แบ่งฝ่าย แบ่งความคิด ความเชื่อของพรรคการเมืองไทย และประชาชนชาวไทยเราเอง
ผมเองโดยส่วนตัว อยากให้จบลงที่นายกฯ ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ และไม่ถึงขั้นต้องเปลี่ยนนายกฯ
ไม่ใช่เพราะผมรักใคร่ชอบพอคุณเศรษฐา หรือเพราะรู้จักเป็นการส่วนตัวมาหลายปี ดังที่เขียนไว้เมื่อ 2 วันก่อน ที่สำคัญผมได้ยืนยันหลายครั้งว่า ผมไม่เห็นด้วยกับนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตของท่าน
แต่เพราะผมดูรายชื่อคนที่มีสิทธิเป็นนายกฯ โดยเฉพาะในพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว คุณเศรษฐาก็น่าจะดีที่สุด
รองลงไปผมให้คะแนนคุณวราวุธ ศิลปอาชา, คุณอนุทิน ฯลฯ อย่าให้เป็นคุณอุ๊งอิ๊งค์ก็แล้วกันครับ อย่าส่งเธอมาขึ้นเขียงกลางตลาดสดอย่างที่มีนักวิเคราะห์การเมืองหลายท่านเขาเปรียบเปรยไว้ก็แล้วกันครับ.
“ซูม”