ช่วงนี้มีแต่ข่าวร้อนๆ โดยเฉพาะข่าวอากาศร้อนหลังสงกรานต์ที่ระเบิดเถิดเทิงทั่วประเทศไทย อุณหภูมิช่วงหลังเที่ยง หลังบ่ายเกิน 40 องศาฯ แทบทุกจังหวัด
ข่าว PM 2.5 หรือฝุ่นพิษฝุ่นจิ๋วที่ทำท่าจะคลี่คลายอยู่ช่วงหนึ่งก็กลับมาอีกหน โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่กลับมาครองตำแหน่งแชมป์โลก รองแชมป์โลกอีกจนได้ รวมทั้งเมื่อเช้าวันเขียนต้นฉบับวันนี้ก็ยังอยู่อันดับ 3
ส่วน กทม.กับปริมณฑลก็ใช่ย่อย กรมควบคุมมลพิษแจ้งว่า ในช่วงเวลาเที่ยงของวันอาทิตย์ขณะเขียนต้นฉบับ มีพื้นที่ “สีส้ม” ที่เป็น “อันตราย” ต่อกลุ่มเสี่ยงถึง 60 จุด หรือราวๆ 70 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ที่มีการรายงาน รวมทั้งที่แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ บ้านพักผมด้วย
นอกจากความร้อนเรื่องอากาศและความอึดอัดเรื่อง PM 2.5 แล้ว ก็ยังมีข่าวร้อนๆ เรื่องรัฐบาลเตรียมลุยไฟเรื่อง แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท และข่าวจะเปลี่ยนแปลงตำแหน่งรัฐมนตรีหลายตำแหน่ง ซึ่งก็ถือว่าเป็นข่าวร้อน “เฉพาะกิจ” ของรัฐบาล
ผมไม่ถนัดเขียนเรื่องร้อนๆ เพราะเขียนแล้วจะทำให้กลุ้มใจ หวาดหวั่น และวิตกจริตไปเสียเปล่าๆ ขอถือโอกาสหยิบข่าวเย็นๆ อ่านแล้วหัวใจฟูมาฝากท่านผู้อ่านสักข่าวหนึ่งดีกว่า
นั่นก็คือ ข่าวที่สำนักข่าวออนไลน์เกือบทุกสำนักรายงานว่า “สาวจีนเดินทางมาขอบคุณเจ้าหน้าที่อุทยานผาแต้มที่ช่วยชีวิต หลังสามีผลักตกหน้าผา หวังฮุบสมบัติเมื่อ 5 ปีก่อน”
พร้อมกับมีภาพสาวใหญ่ชาวจีนโผเข้ากอดเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานี และนำกระเช้าอาหารบำรุงกำลังหลายกระเช้าไปมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ต่างๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
จากนั้นก็รายงานโดยสรุปว่า สาวชาวจีนเธอนี้เคยเดินทางมาเที่ยวอุทยานผาแต้มกับสามี และพลัดตกจากหน้าผาแห่งหนึ่งขณะยืนชมวิวอยู่กับสามี แต่โชคดีที่ไปถูกต้นไม้ด้านล่างปะทะเอาไว้ แม้จะมีความสูงถึง 34 เมตร และเธอก็ลงไปนอนกับพื้นซึ่งเป็นหิน เธอจึงไม่เสียชีวิต
อย่างไรก็ดี เธอก็ตกอยู่ในสภาพที่ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส กระดูกต้นขาซ้ายหัก เข่าแตกทั้ง 2 ข้าง แขนซ้ายหัก ไหปลาร้าหัก ฯลฯ
ข่าวรายงานว่า เธอตั้งครรภ์อยู่ด้วย 3 เดือน และบุตรในครรภ์ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลระหว่างรักษาตัว
เจ้าหน้าที่ของอุทยานผาแต้มที่ลาดตระเวนอยู่ได้ยินเสียงร้อง และเสียงร่างกระทบพื้น รีบขับรถไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมกับช่วยเหลือนำเธอส่งโรงพยาบาลโขงเจียมในทันทีเพื่อให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นก่อนส่งไปโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ในจังหวัดอุบลราชธานีภายหลัง
ในตอนแรกเธอแจ้งเจ้าหน้าที่ว่า ระหว่างยืนชมวิวอยู่นั้นเกิดเป็นลมหน้ามืดเพราะตั้งครรภ์อยู่ จึงพลัดตกมาเองในช่วงที่สามีแยกไปเข้าห้องน้ำ แต่ต่อมาเธอก็ให้การใหม่ระบุว่า สามีนั่นแหละที่ผลักเธอตกหน้าผาเพื่อหวังมรดกเมื่อเสียชีวิตแล้ว ที่เธอไม่กล้าให้การตอนแรกเพราะเกรงว่าสามีจะทำร้ายเธอและลูกในท้อง ตำรวจจึงจับกุมสามีเธอในที่สุด
เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ทั้งในบ้านเราและต่างประเทศ และมีการดำเนินคดีไปครบ 3 ศาล จบลงด้วยศาลฎีกา ตัดสินจำคุกสามีเธอ 33 ปี กับ 4 เดือน ในข้อหาพยายามฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เมื่อปีที่แล้ว
ดังนั้นในเดือนเมษายนปีนี้ หญิงจีนที่ชื่อ นางหวัง หนาน ซึ่งรอดชีวิตและสุขภาพแข็งแรงเป็นอย่างดีแล้ว จึงได้เดินทางมาขอบคุณเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติผาแต้มที่เคยช่วยชีวิตเธอ
ได้แก่ นายไพโรจน์ ผิวอ่อน ลูกจ้างประจำ นายสกุลทัย จันทร์สุข, นายสรวิศ มิ่งแมน และ นายสถาพร ภิมา 3 รายหลังนี้เป็นพนักงานราชการ
มีอยู่ภาพหนึ่งที่โพสต์ในเฟซบุ๊กของอุทยานแห่งชาติผาแต้ม จะเห็นว่า นาง หวัง หนาน กอดเจ้าหน้าที่ไว้ด้วยใบหน้ากึ่งยิ้มกึ่งร้องไห้ อันเป็นการแสดงความขอบคุณเจ้าหน้าที่ดังกล่าวอย่างสุดซึ้ง
เห็นภาพชุดนี้และได้อ่านข่าวนี้แล้ว ผมก็รู้สึกเย็นลงทันที ลืมอุณหภูมิ 41 องศาเซลเซียสและ PM 2.5 สีส้มของบ่ายวันอาทิตย์ไปชั่วคณะ
ขอแสดงความชื่นชมเจ้าหน้าที่อุทยานผาแต้มทั้งที่สื่อเอ่ยนามและมิได้เอ่ยนามทุกท่าน ขอแสดงความชื่นชมต่อคณะแพทย์ของโรงพยาบาลโขงเจียม และโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ที่ช่วยรักษาสาวจีนรายนี้จนหายดี และกลับมาแข็งแรงอย่างยิ่งจากภาพที่เห็น
ขอปรบมือให้ทุกคนในข่าวนี้ที่ทำหน้าที่ในนามประเทศไทยได้อย่างสมเกียรติสมศักดิ์ศรี และขอชื่นชมคุณ “หวัง หนาน” ด้วยที่กลับมา “ผาแต้ม” อีกครั้ง เพื่อ “ขอบคุณ” เจ้าหน้าที่ไทยของเรา.
“ซูม”