ขณะที่ผมนั่งเขียนต้นฉบับวันนี้ในช่วงเวลาประมาณบ่าย 3 โมงของวันพุธที่ 4 เมษายนนั้น เว็บไซต์ IQAIR ของสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานสภาพอากาศที่เป็นมลพิษแบบ “เรียลไทม์” หรือ ณ เวลานั้นๆ จากเมืองต่างๆ ทั่วโลก

ยังคงประกาศให้ “เชียงใหม่” ของเราเป็น “แชมป์โลก” หรือเป็นเมืองอากาศแย่ที่สุดด้วยดัชนีชี้วัด 175 สีแดงเพลิง โดดเด่นอยู่เหนือตาราง

โดยมี ฮานอย ของเวียดนาม เป็นรองแชมป์ตามมาติดๆ แต่ก็ไม่ถึงกับหายใจรดต้นคอด้วยดัชนี 167 และสีแดง…ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ กาฐมาณฑุของเนปาลครับ อยู่ที่ดัชนี 158 และสีแดงเช่นกัน

เมื่อประมาณ 7 โมงเช้าของวันเดียวกันนี้ผมเปิดดูเว็บไซต์นี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง ปรากฏว่า เชียงใหม่ ของเราเป็นแชมป์ที่ดัชนี 182 โดยมี นิวเดลี ของอินเดียตามมาเป็นที่ 2 และจาการ์ตาของอินโดนีเซียเป็นที่ 3

ฉะนั้น จากตารางล่าสุดจะเห็นได้ว่า เชียงใหม่ ของเรายังคงรักษาตำแหน่งแชมป์ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ส่วนรองแชมป์นั้นเปลี่ยนแปลงไป

ผมจะกลับมาดูในตอนหัวคํ่าอีกครั้งและหวังว่าเชียงใหม่จะลดอันดับลงมานะครับ…เพราะตำแหน่งแชมป์โลกประเภทนี้เป็นตำแหน่งที่ไม่มีใครอยากได้…ยิ่งช่วงนี้งานสงกรานต์เชียงใหม่กำลังจะเริ่ม ผู้คนที่ไหนจะอยากไปเที่ยวล่ะครับ

ผมขออนุญาตแซงคิวเขียนแนะนำสงกรานต์เชียงใหม่ ตั้งแต่วันนี้เลยนะครับ เพราะโดยความเป็นจริง แม้กำหนดงานจะเริ่มในวันที่ 7 เมษายน หรือวันมะรืนนี้ แต่งานอุ่นเครื่องต่างๆได้เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อวาน 4 เมษายนแล้วครับ ได้แก่ งานอัญเชิญนํ้าทิพย์จากแหล่งนํ้า 9 แหล่งของเชียงใหม่ มาหุงและบรรจุภาชนะไว้ในจุดต่างๆ เพื่อแจกจ่ายให้แก่พี่น้องประชาชนเพื่อความเป็นสิริมงคล

ดังนั้น ใครที่ไปเชียงใหม่ตั้งแต่วันนี้ ก็จะมีโอกาสได้ร่วมในงาน แห่นํ้าทิพย์ ที่ว่านี้แล้วล่ะครับ

สำหรับงานสงกรานต์เชียงใหม่ตัวจริงเสียจริงปี 2567 นี้ จะเริ่ม ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายนไปจนถึงวันที่ 17 เมษายน รวม 10 วัน

ชื่องานว่า “ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่ ประจำปี 2567” โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อเฉลิมฉลองการประกาศให้สงกรานต์ไทยเป็นมรดกทางวัฒนธรรมจากยูเนสโกและสืบสานประเพณีดั้งเดิมของชาวล้านนา ที่ยืนยาวมากว่า 728 ปี

นอกจากจะจัดงานสรงน้ำพระ รดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ และเล่นสาดน้ำกันอย่างสนุกสนานแล้ว ยังมีการแสดงด้านศิลปวัฒนธรรมตามจุดต่างๆ ทั่วตัวเมืองเชียงใหม่ ควบคู่ไปด้วย

พร้อมกันนั้นก็จะมีสงกรานต์ย่อยจัดกระจายไปทุกๆ อำเภอ รวมทั้งสิ้น 25 อำเภอ เรียกว่า เบื่ออำเภอนี้ก็บึ่งรถไปอำเภอโน้นได้เลย

ท่านนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว

ไว้ว่า ไฮไลต์สำคัญๆ ได้แก่ ขบวนแห่และสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์, การประกวดแม่ญิงขี่รถถีบกางจ้อง, การแสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนา และเปิดถนนแห่งสายน้ำ ให้สาดน้ำกันอย่างชุ่มฉ่ำ

สำหรับวัดที่จะเปิดให้สรงน้ำพระนั้น ได้แก่ วัดเชียงใหม่, วัดเจ็ดลิน, วัดโลกโมฬี, วัดป่าเป้า, วัดยางกวง, วัดอินทขีลสะดือเมือง, วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร, วัดล่ามช้าง, วัดพันอ้น, วัดศรีสุพรรณ ฯลฯ

วันสำคัญยิ่งวันหนึ่งก็คือวันที่ 13 เมษายนนั่นแหละ จะมีพิธีแห่พระพุทธสิหิงค์จากวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร พร้อมพระพุทธรูปสำคัญคู่เมืองเชียงใหม่ ให้ประชาชนได้สรงน้ำกันทั่วทั้งเมือง

สำนักงาน ททท. จังหวัดเชียงใหม่ คาดการณ์ว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 นี้ จะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนจังหวัดเชียงใหม่ทั้งสิ้น 132,459 คน แบ่งเป็นชาวไทย 102,886 คน และชาวต่างชาติ 29,573 คน คาดว่าจะมีอัตราเข้าพักในจังหวัดเชียงใหม่อยู่ที่ร้อยละ 78.4 และสร้างรายได้รวมกันทั้งสิ้น 1,225.52 ล้านบาท

เรียกว่าประมาณการกันอย่างละเอียดยิบ ได้ตัวเลขออกมาเป็นจำนวนที่เลขท้ายลงด้วย 9 คนบ้าง 3 คนบ้าง 6 คนบ้าง…มิใช่ตัวเลขกลมๆ แบบการประมาณการของสำนักอื่นๆ

ผมขอเอาใจช่วยให้ทะลุเป้าหมายทุกๆ เป้านะครับ

โดยเฉพาะชาวไทยเราเอง อย่าลืมแวะไปเชียงใหม่ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เอา “น้ำใจ” ไปช่วยกันดับ “ฝุ่นพิษ” PM 2.5 ว่าอย่างนั้นเถิดเพื่อให้เชียงใหม่กลับมาเป็นเมืองแห่งความชุ่มฉ่ำแห่งความเขียวขจีสมกับเพลง “มนต์เมืองเหนือ” ของครูเพลงไพบูลย์ บุตรขัน ที่เราเคยร้องด้วยความชื่นใจ เมื่อ 60–70 ปีก่อนโน้นอีกครั้ง.

“ซูม”