เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีรายงานว่า บริษัท Brand Finance ของอังกฤษ ที่ทำหน้าที่จัดอันดับ “ซอฟต์พาวเวอร์” ของประเทศทั่วโลก ได้ประกาศอันดับประจำปีล่าสุด หรือ 2024 ออกมาเรียบร้อยแล้ว
ผลปรากฏว่า ประเทศที่มีพลังสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.สหรัฐอเมริกา 2.สหราชอาณาจักร 3.จีน 4.ญี่ปุ่น 5.เยอรมนี
ส่วนประเทศไทยของเรานั้นอยู่ในอันดับที่ 40 ของโลก ดีขึ้นมา 1 อันดับเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่ถ้ามองเฉพาะ “อาเซียน” เราอยู่ในอันดับ 3 โดยมี สิงคโปร์ เป็นอันดับ 1 (22 โลก), มาเลเซีย อันดับ 2 (35 โลก) และอินโดนีเซีย อันดับ 4 (45 โลก) ฯลฯ
บริษัทที่ว่านี้อธิบายอย่างละเอียดพอสมควรถึงวิธีคิดของเขาไว้ด้วย ผมอ่านคร่าวๆ ไป 2 จบ ยังไม่เข้าใจดีนัก แต่ก็เอาเถอะ…รู้สึกว่าสำนักข่าวทั่วโลกจะยอมรับในการประกาศของเขา มีการลงข่าวให้อย่างเอิกเกริกติดต่อกันมาหลายปีแล้ว…ผมก็ขอยอมรับไปด้วยละกัน
จำได้คร่าวๆ ว่า เขาแบ่งพลังซอฟต์พาวเวอร์ออกเป็น 8 อย่าง มีทั้งธุรกิจการค้า, การปกครอง, ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ, วัฒนธรรมและมรดก, สื่อและการสื่อสาร, การศึกษาและวิทยาศาสตร์, ประชาชนและค่านิยม และอนาคตอันยั่งยืน
ถ้ารวมแบบนี้ด้วยก็ยกให้ชาติอื่นๆ เขาไปเถอะ เพราะความสามารถอีก 6-7 ด้านที่เอ่ยถึงนั้น ประเทศไทยเราได้คะแนนน้อยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ลองมาคิดอีกทีที่เขาเลือกมา 7-8 อย่างว่ามีส่วนในการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศก็คงจะถูกต้องละครับ ยกตัวอย่างมือ 1 ของอาเซียนอย่างสิงคโปร์ กับมือ 3 อาเซียนอย่างไทย ก็จะเห็นชัดเจน
สิงคโปร์ไม่เห็นมีวัฒนธรรมหรือมรดกโบราณอะไรมากเลย เพียงแต่เขารู้จักสร้างโน่นสร้างนี่เพิ่มเติม แล้วก็กล้าไปดึงซอฟต์พาวเวอร์ระดับโลกของคนอื่นให้มาจัดที่เขาเพื่อที่เขาจะได้รับประโยชน์ไปด้วย
เช่น เอารถสูตร 1 ฟอร์มูล่าวันมาวิ่งแข่งผ่ากลางเกาะสิงคโปร์ยามค่ำคืน เป็นต้น จัดมหกรรมดนตรีโน่นนี่ เป็นต้น รวมทั้งที่เห็นชัดๆ
ล่าสุดคือ คอนเสิร์ตของนักร้องหมายเลข 1 ของสหรัฐฯ และของโลกยามนี้อย่าง เทย์เลอร์ สวิฟต์ ที่เป็นข่าวฮือฮา
เขาไม่เพียงแต่จะดึง เทย์เลอร์ สวิฟต์ ไปจัดที่ประเทศเขา แต่เขายังมีวิธีตีกันไม่ให้เทย์เลอร์ สวิฟต์ ไปแสดงประเทศอื่นๆในอาเซียนอย่างแยบยล…โดยการจ่ายใต้โต๊ะให้นักร้องรายนี้แสดงเฉพาะที่สิงคโปร์เพียงที่เดียว
เป็นการบังคับทางอ้อมให้สาวกของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ต้องบินไปดูที่สิงคโปร์เท่านั้น…รายได้ต่างๆ นอกจากค่าตั๋วแล้วยังรวมถึงค่าโรงแรม+ค่าอาหาร+ค่าใช้จ่ายจิปาถะก็จะตกเป็นของสิงคโปร์แต่เพียงประเทศเดียว
เพราะเป็นชาติ “ช่างคิด” และมีความคิด “แยบยล” กว่าคนอื่นๆ แบบนี้เองที่ทำให้สิงคโปร์ไปเร็วกว่าใครๆ ในย่านนี้ ทั้งที่ประเทศของเขาเป็นแค่เกาะเล็กๆ เกาะหนึ่งเท่านั้น
ผมก็ขอทำหน้าที่ปลอบใจรัฐบาลไทยว่าเราจะอยู่อันดับไหนก็ช่างเถิด? ใครเขาจะประเมินอย่างไรก็ช่างเถิด? เราก็ทำของเราไปแบบไทยๆ
ขายศิลปวัฒนธรรมแบบไทยๆ ไปถือว่าไม่ต้องลงทุนอะไรมากนักไม่ต้องเสี่ยง…รายได้ก็จะเป็นของคนไทย ไม่ต้องแบ่งปันไปให้คนอื่น
ดังเช่นงานลอยกระทง งานปีใหม่ งานตรุษจีนที่เราทำไปแล้ว และการแถลงข่าวเทศกาลสงกรานต์เมื่อ 2 วันก่อน ที่รัฐบาลไทยโดยกระทรวงวัฒนธรรมจะจัดขึ้นเป็นงานต่อไป และได้เชิญคุณ แอนโทเนีย โพซิ้ว มาเป็นนางสงกรานต์เรียบร้อยแล้ว
แม้ชื่อเสียงระดับโลกของ น้องโพซิ้ว จะเทียบ เทย์เลอร์ สวิฟต์ ไม่ได้ แต่เราก็ภูมิใจของเรา
พร้อมทั้งเชื่อด้วยว่า “องค์รวม” ทั้งหมดของงาน “สงกรานต์ไทย” ที่ชนะใจผู้คนทั่วโลกจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มาเที่ยวอย่างล้นหลาม เช่นเดียวกับปีก่อนๆ
กำไรน้อยกว่าจัดเทย์เลอร์ สวิฟต์ แต่เราก็ลงทุนน้อยและไม่ต้องเสี่ยง…ที่สำคัญไม่เสียเพื่อนด้วย
เหมือนที่ สส.ฟิลิปปินส์ออกมาตัดพ้อสิงคโปร์ที่จ่ายใต้โต๊ะบล็อกเทย์เลอร์ สวิฟต์ ไม่ให้ไปแสดงที่อื่นว่า…“ยูไม่ใช่เพื่อนบ้านที่ดีเลย” เจ็บอยู่เหมือนกันนาครับ อาเฮียลี เซียน ลุง.
“ซูม”