อีกสถานที่หนึ่งของญี่ปุ่นที่หัวหน้าทีมซอกแซกโดยส่วนตัวชื่นชมเป็นพิเศษไปโตเกียวทุกครั้งในระยะหลังๆ นี้ จะต้องหาโอกาสแวะไปเยี่ยมเยียนอยู่เสมอ และจะใช้เวลานั่งอยู่เงียบๆ นิ่งๆ 15-20 นาที ใกล้ๆสถานีรถไฟสถานีสุดท้ายของย่านนี้ ในช่วงเย็นๆ ค่ำๆ รับลมเย็นๆ อย่างมีความสุข
คนญี่ปุ่นเรียกบริเวณนี้ ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ ว่า “เกาะเทียม” หรือเกาะที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเอง มิใช่เกาะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเมื่อก่อนนี้ บริเวณนี้เป็นส่วนหนึ่งของน้ำทะเล ที่มาผสมผสานกับน้ำจืดที่ไหลจากแม่น้ำซูมิดะของโตเกียว…เป็นพื้นที่บริเวณปากอ่าวโดยแท้ เรียกกันมานมนานแล้วว่า “ปากอ่าวโตเกียว”
ย้อนหลังไปเมื่อ 173 ปีก่อน ใน สมัยเอโดะ ญี่ปุ่นในยุคของรัฐบาลโชกุน โทกุงาวะ ถูกคุกคาม โดยกองเรือตะวันตก จึงมีการสร้างเกาะเทียมขึ้น ณ บริเวณนี้ เพื่อหวังใช้เป็น “เกราะ” ป้องกันการรุกรานของกองเรือเหล่านั้น
แต่ก็ไม่สามารถสร้างได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยนัก เพราะเทคโนโลยีในยุคโน้นของญี่ปุ่นก็คงเหมือนกับหลายประเทศในดินแดนตะวันออกที่ยังไม่ก้าวหน้าอะไรมากมาย
จนมาถึงช่วง ค.ศ.1990 หรือ 140 ปีต่อมารัฐบาลญี่ปุ่นยุคใหม่ซึ่งเริ่มพัฒนาเป็นชาติทันสมัยของโลกเรียบร้อยแล้วอีกชาติหนึ่ง ก็มีดำริที่จะพัฒนา “เกาะเทียม” เกาะนี้ให้เป็นย่านการค้าและย่านที่พักอาศัย จึงได้ริเริ่มโครงการขึ้นอีกครั้งโดยเปลี่ยนวัตถุประสงค์ไปจากอดีตโดยสิ้นเชิง
แม้จะเจอปัญหาด้านเศรษฐกิจถดถอยอยู่ระยะหนึ่ง แต่ในที่สุดก็สร้างสำเร็จจนได้ เมื่อประมาณปี ค.ศ.2000 ต้นๆนี่เอง
โอไดบะ กลายเป็น “เมืองใหม่” ที่ใหญ่บึ้ม มีทั้งโรงแรมใหญ่, ศูนย์การค้าใหญ่, ที่ตั้งสถานีโทรทัศน์ใหญ่ (ฟูจิ), พิพิธภัณฑ์รถยนต์ขนาดใหญ่ และสวนสาธารณะซึ่งอาจไม่ใหญ่นัก แต่สวยงามมาก เพราะอยู่ในอ่าวมองกลับมาจะเห็นเมืองโตเกียวโดดเด่นเป็นสง่าอยู่อีกฟาก
ขณะเดียวกันก็จะมองเห็น “สะพาน” เชื่อม โตเกียว กับเกาะแห่งนี้ที่มีลักษณะละม้ายสะพานโกลเด้นเกตของซานฟรานซิสโก คือสะพาน “สายรุ้ง” หรือ “เรนโบว์บริดจ์” นั่นเอง
ข้างๆ สวนเล็กๆ ที่ว่า จะมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ข้างในจำหน่ายสินค้า “เอาท์เล็ต” สารพัด ช่วงก่อนโควิดผู้คนจะแน่นมากแต่ไปเที่ยวนี้ดูเหงาไปเยอะ เพราะแทบจะปิดตายไม่มีคนไปเที่ยวเท่าไรนักในช่วงโควิดอาละวาดที่ผ่านมา
แต่ญี่ปุ่นเขาก็หวังว่าที่นี่จะกลับมาดีขึ้นเรื่อยๆ ตามหลัง “โตเกียว” ซึ่งฟื้นตัวก่อนและเริ่มมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนอย่างถล่มทลายดังที่หัวหน้าทีมซอกแซก รายงานไว้แล้ว
ทั้ง 3 ศูนย์การค้าใหญ่ที่อยู่ติดๆ กันไม่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า โอไดบะ เท่าไหร่นักมีทั้งศูนย์ AQUA CITY odaiba, Diversity และ Decks เรียงต่อกันไป เดินครบทั้ง 3 ศูนย์รับรองแทบ “ลากขา” ไม่ออกแน่นอน
ด้านหน้าของ 3 ศูนย์การค้านี่แหละไม่แน่ใจว่าหน้าห้างไหนเป็นที่ “สถิต” ของหุ่นเหล็ก “กันดั้ม” ตัวเบ้อเริ่มยืนรอให้ถ่ายรูปเช็กอิน
ไปเที่ยวนี้ หัวหน้าทีมเปิดโอกาสให้ครอบครัว ซอกแซกไปเดินเล่นตามอัธยาศัย แต่นัดแนะให้กลับมาเจอกันที่สวนสาธารณะ Odaiba Marine Park ที่หัวหน้าทีมขอเวลาปลีกวิเวกนั่งจ่อมอยู่ 15-20 นาที ที่ว่านี้เพื่อรวมตัวกันขึ้นรถไฟข้ามอ่าวกลับโตเกียว
ระหว่างปลีกวิเวก สายตาของหัวหน้าทีมที่มองไปรอบๆ จะเห็นโตเกียวอยู่ลิบๆ เห็น “สะพานสายรุ้ง” ไม่ไกลนัก และที่ใกล้มากๆ มองเมื่อไรก็เจอเห็นจะได้แก่ “เทพีเสรีภาพ” แห่งโตเกียวนั่นเอง
“เทพีเสรีภาพ” ของญี่ปุ่นจะเหมือนกับ ที่ นิวยอร์กเป๊ะ เพราะสร้างมาจาก “ต้นแบบ” เดียวกัน ด้วยฝีมือศิลปินฝรั่งเศสเช่นกัน
เทพีที่นิวยอร์กขึ้นรูปขึ้นร่างจากโลหะสำริดและโครงเหล็ก ซึ่งออกแบบและหล่อมาจากฝรั่งเศสโดยตรง เมื่อ 4 กรกฎาคม ค.ศ.1876 วันครบ 100 ปีของการประกาศอิสรภาพ ของสหรัฐฯ ต่ออังกฤษ และได้จัดงานเฉลิมฉลองขึ้น
ฝรั่งเศสซึ่งชื่นชมว่า สหรัฐฯ กล้าหาญสามารถ ลุกขึ้นสู้อังกฤษและประกาศอิสรภาพได้ในที่สุด จึงส่ง “เทพี” แห่งเสรีภาพมาให้ดังกล่าว
ส่วน เทพีเสรีภาพ ที่โตเกียว ก็เป็น “ของขวัญ” จากฝรั่งเศสเช่นกัน ส่งมาจากฝรั่งเศสเมื่อ ค.ศ.1998 หรือ 25 ปีที่แล้ว
รายงานข่าวหลายกระแสแจ้งว่า ย้อนหลังกลับสู่อดีตเมื่อฝรั่งเศสส่ง “เทพีเสรีภาพ” ไปให้สหรัฐฯ เมื่อ ค.ศ.1876 แล้ว ก็หล่อขึ้นมาใหม่โดยมีขนาดเล็กกว่าเก็บไว้ที่กรุงปารีส
เก็บไว้กว่า 100 ปีเหมือนกันจนกระทั่งในเดือนเมษายน 1998 จนถึงมกราคม 1999 มีงานเฉลิมฉลอง ความสัมพันธ์อันยาวนาน ระหว่างญี่ปุ่นกับฝรั่งเศสทางฝรั่งเศสจึงส่งเทพีขนาดเล็กกว่าที่สร้างเก็บไว้มาตั้งแสดงที่ “โอไดบะ” แบบชั่วคราวเสร็จงานแล้ว จะขนกลับ
ปรากฏว่าคนญี่ปุ่นชอบมาก บอกว่าอย่าขนกลับเลยขอไว้ตรงนี้เถอะ…อย่างไรก็ตาม ในเอกสารเท่าที่อ่านเจอบอกว่า ทางฝรั่งเศสเขาเลยตัดสินใจสร้างให้ใหม่ก่อนที่จะขนของจริงเก่าแก่ที่มาโชว์กลับบ้านในที่สุด
ฉะนั้น ที่เห็นอยู่จึงไม่ใช่ของปลอม หรือเลียนแบบนะครับ…เป็นผลิตผลจากฝรั่งเศสเหมือนกัน แต่สร้างห่างกันหลายร้อยปีเท่านั้น และที่สำคัญของญี่ปุ่นมีขนาดเล็กกว่าของ นิวยอร์ก ประมาณ 1 ใน 7 ครับ
ที่ผมได้ยินมาเป็นอย่างนี้ แต่จะมีตำนานอื่นๆ อีกหรือไม่ก็ลองค้นหาดู เผื่อจะมีอะไรแตกต่างไปจากที่ผมเคยอ่านพบ จะได้มาแชร์ความรู้กันน่ะครับ
ขอแนะนำว่าใครไปญี่ปุ่น ไปโตเกียวละก็อย่าลืมไปเช็กอินที่สวนสาธารณะ Odaiba Marine Park กับ “เทพีเสรีภาพ” ญี่ปุ่นด้วยนะครับ…จะได้ไม่ต้องไปไกลถึงสหรัฐอเมริกา.
“ซูม”