ผมได้รับจดหมายจากท่านผู้อ่านที่ใช้นามปากกาว่า “แฟนเก่า” แนะนำให้ผมไปเข้ายูทูบ ค้นหาเพลงเก่าๆ เพลงหนึ่งมาฟังสัก 2-3 รอบ เผื่อจะทำให้คลายเครียดของผม (ในขณะนี้) คลี่คลายลง
ท่านแนะนำมาว่า “คุณซูมเข้าไปที่ชื่อเพลง Whatever will be, will be เลยก็ได้ หรือจะเข้าไปที่ Que Sera Sera ก็ได้ จะมีเพลงนี้ให้เราเลือกฟังยาวเหยียดเลย
ตั้งแต่เวอร์ชันแรกที่ขับร้องโดย ดอริสเดย์ เมื่อปี 1956 หรือ พ.ศ.2499 จนถึงปัจจุบันที่นักร้องรุ่นใหม่ๆ นำมาร้องอีกหลายเวอร์ชัน
ชื่อเพลงนี้แปลว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แม้จะเป็นเพลงฝรั่ง แต่ก็เข้ากับหลักศาสนาพุทธของเราอย่างดียิ่ง เพราะเราไม่มีวันคาดเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง จึงต้องทำใจและเตรียมใจ
สถานการณ์การเมืองทุกวันนี้เป็นสถานการณ์ที่ต้องทำใจและเตรียมใจ ผมจึงเข้าไปในยูทูบเปิดฟังเพลงนี้หลายครั้งแล้วรู้สึกดีขึ้นมาก จึงขอแนะนำให้คุณซูมเข้าไปฟังด้วย เพื่อความสบายใจและหายจากความเครียดทั้งปวง”
ก็ต้องขอขอบคุณอย่างจริงใจไว้ ณ ที่นี้ และผมก็ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำด้วยการเข้ากูเกิล กดไปที่คำว่า Whatever will be, will be ฟังเพลงนี้เรียบร้อยแล้วครับ โดยเลือกฟังเวอร์ชันของ Doris Day
เสียงร้องของเธอยังแจ่มใสอยู่เลยครับ แสดงว่าระบบจัดเก็บของฝรั่งเขาดีมากๆ ขนาดเวลาผ่านไปกว่า 60 ปี ยังเสียงดังฟังชัดไม่มีเสียงแกรกกรากเข้ามารบกวนแม้แต่น้อย
พ.ศ.2499 หรือ 1956 ผมยังเรียนชั้นมัธยม 5 ที่จังหวัดนครสวรรค์ แม้จะได้ยินเพลงนี้อยู่บ้างแต่ก็ไม่บ่อยนัก เพราะสถานีวิทยุแถวบ้านผมยุคนั้นเปิดแต่เพลง สมยศ ทัศนะพันธุ์ เพลงฝรั่งไม่ค่อยเปิดกันเลย
แต่พอผมเข้ามาเรียนกรุงเทพฯปี 2501 เพื่อนๆ เด็กกรุงที่เข้าเรียนเตรียมอุดมด้วยกัน เขาเอาเนื้อมาสอนให้ร้องหมู่ในงานเลี้ยงก่อนปิดเทอมต้น ทำให้ผมมีโอกาสสัมผัสกับเพลงนี้เป็นครั้งแรก บอกได้เลยว่าชอบและร้องจนคล่องปากตั้งแต่บัดนั้น
เท่าที่เคยอ่านเจอ Oue Sera Sera หรือ เคว เซรา เซรา (บางครั้งก็ได้ยินคนออกเสียง เกว เซรา เซรา) นั้นเป็นภาษาสเปน แปลตรงๆ ว่า Whatever will be, will be หรืออะไรจะเกิดก็เกิดนั่นแหละ
ดอริส เดย์ ร้องเพลงลำดับความในชีวิตของเธอตั้งแต่เด็กๆ ที่เธอถามแม่ว่าโตขึ้นหนูจะเป็นอย่างไรบ้าง? จะสวยไหม? จะรวยไหม?
แม่ตอบว่า อนาคตเป็นสิ่งที่เราไม่รู้ลูกเอ๋ย อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
ตอนเรียนหนังสือเธอไปถามครู ครูก็ตอบแบบนี้ พอมีแฟนถาม แฟนก็ให้คำตอบอย่างเดียวกัน
ดังนั้น เมื่อเธอมีครอบครัว มีลูกๆ ด้วยตนเองแล้วพอลูกๆ ถามถึง “อนาคต” เธอจึงตอบในคำตอบเดียวกันว่า “อนาคต” เป็นสิ่งที่เราไม่มีทางรู้อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด Whatever will be, will be
ในทางพุทธศาสนาของเราก็สอนเราในเรื่องนี้เช่นกันว่า เราไม่มีทางจะคาดเดาว่าอะไรจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต ทั้งความสุขและความทุกข์
แต่เราสามารถเตรียมตัวตั้งรับได้ คือจะต้องมีสติ เตรียมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องร้าย เรื่องดี ด้วยความสงบมั่นคง
ไม่ดีใจเกินเหตุ ไม่เสียใจเกินเหตุ และถ้าเราต้องประสบกับความทุกข์ ก็ขอให้หาทางแก้ปัญหาและทางออกด้วยความอดทนอดกลั้น
ครับ! คนรักความสงบอยากเห็นความเจริญรุ่งเรืองของชาติ อยากเห็นความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติ ได้สวดมนต์มาก็มากแล้ว ขอร้องวิงวอนชี้ให้เห็นผลร้ายของการวิวาทและการขัดแย้งกันมาตลอด แต่เมื่อเขายังไม่ฟังก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
ก็คงต้องร้องเพลงละครับ Que Sera Sera, Whatever will be, will be อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด (ตูพร้อมแล้วว่ะ)
ซูมหมายเหตุ ข้อเขียนข้างต้นนี้น่าจะตีพิมพ์ในไทยรัฐ ในวันที่บ้านเมืองเรากำลังตึงเครียด เกิดการเผชิญหน้าทางการเมืองค่อนข้างรุนแรงอย่างใดอย่างหนึ่งในอดีต ซึ่งจำไม่ได้แล้วว่าตีพิมพ์เมื่อไร? พ.ศ.ไหน? แต่เห็นว่าเนื้อหายังใหม่และทันเหตุการณ์มาก จึงขออนุญาตนำมาลงในวันนี้วันที่ 13 กรกฎาคม 2566 อีกครั้ง…วันแห่งความตึงเครียดและไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น…และน่าจะเป็นวันที่เหมาะสมที่สุดกับการร้องเพลง Whatever will be, will be ปลอบใจตัวเอง.
“ซูม”