ทริป “ส่องสัตว์ป่า” ที่กุยบุรี นี้เปิดประสบการณ์ครั้งแรกของ 2 พี่น้องกับการขึ้นรถกระบะส่องสัตว์ป่า ณ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี พื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติ ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จักกันในนาม “กุยบุรี – ซาฟารีเมืองไทย”
การที่ได้เจอสัตว์ป่าท่ามกลางป่าจริงๆ ทำให้การมาเที่ยวประจวบคีรีขันธ์ในครั้งนี้ทั้งตื่นเต้นและสนุกสุดๆ จนชักติดใจการส่องสัตว์ขึ้นมาแล้วสิคะ
“อุทยานแห่งชาติกุยบุรี” เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 90 ของประเทศไทย อยู่ในเทือกเขาตะนาวศรี กลุ่มป่าแก่งกระจาน มีเนื้อที่ 6 แสนกว่าไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 4 อำเภอของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้แก่ อ.เมือง, อ.กุยบุรี, อ.สามร้อยยอด และ อ.ปราณบุรี
โดยสัตว์ป่าที่เจ้าหน้าที่รวบรวมสถิติจากการตรวจ DNA ในมูลสัตว์ที่พบภายใน “พื้นที่โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าบริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” มีช้าง 300 ตัว, กระทิง 400 ตัว, วัวแดง 7 ตัว และสัตว์ป่าอื่นๆ อีกไม่ว่าจะเป็นหมี หรือเสือดำ ก็เคยมีเจ้าหน้าที่พบเห็น
สำคัญมากๆ สำหรับขึ้นรถส่องสัตว์ที่ “อุทยานแห่งชาติกุยบุรี” ถ้าจะขับรถโดยเปิด Google map มาเองต้อง “ห้ามตั้งพิกัดอุทยานแห่งชาติกุยบุรี” แต่ให้เปิด Google map ตั้งพิกัดหา “จุดชมช้างห้วยลึก” เท่านั้น!!
การเดินทางจาก ถ.เพชรเกษม ขับเข้าไปยังจุดชมช้างห้วยลึกระยะทาง 32 กม. ใช้เวลา 30 นาที.. เราไปถึงอุทยานตอนบ่าย 4 แวะซื้อตั๋วที่ “จุดบริการนักท่องเที่ยว” ทางด้านซ้ายมือกันก่อนค่ะ มีบริการรถนำชมสัตว์ป่ากุยบุรี ราคาเหมาคันละ 850 บาท (นั่งได้ 6 – 8 คน)
แนะนำให้เช่ากล่องส่องทางไกลไปด้วยนะคะ จะได้ซูมดูสัตว์แบบชัดๆ ก่อนขึ้นรถก็แวะเข้าห้องน้ำด้วยนะ เพราะทริปส่องสัตว์จะใช้เวลาราว 1-2 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น (ที่นี่ห้องน้ำสะอาดมากๆ ขอชื่นชมค่ะ)
จากนั้นเดินมุ่งหน้าไปทางป้าย “ช้างป่ากุยบุรี” ที่มีช้าง 2 ตัวขนาบป้ายอยู่ จุดขึ้นรถส่องสัตว์จะอยู่ตรงนั้น เดินย่ำน้ำยาฆ่าเชื้อแล้วขึ้นรถกระบะได้เลยค่ะ (มีน้ำดื่มเย็นๆ จำหน่ายขวดละ 10 บาท)
รถของเราได้ “พี่บี” ซึ่งเป็นชาวบ้านจาก “หมู่บ้านรวมไทย” ที่ห่างไปประมาณ 4 กิโลเมตร ที่ได้ผ่านการเรียน การสอนจากเจ้าหน้าที่เรื่องข้อมูลของสัตว์ต่างๆ มาเป็นไกด์นำทางค่ะ พี่ไกด์น่ารักเป็นกันเอง คอยชี้ชวนสัตว์ให้ดูสัตว์ต่างๆ คอยตอบคำถามเจ้าหนูจำไมอย่างออนเซนและน้องโอโซนอยู่ตลอด ตอนลงจากรถไปดูช้างก็คอยเดินตามดูแลให้ดูได้ใกล้ๆ แต่ต้องปลอดภัย
การ “ส่องสัตว์ป่า” ที่กุยบุรีทริปนี้จะขับรถเข้าป่าในอุทยานแห่งชาติกุยบุรีระยะทางไป-กลับ 15 กม. โดยสามารถลงจากรถตามจุดชมวิว แต่จะไม่อนุญาตให้ลงรถในระหว่างทาง เพื่อความปลอดภัย โดยมีจุดชมวิว 4 จุด ได้แก่
1. โป่งสลัดได: ทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ มีหอชมสัตว์ มักพบฝูงช้างและฝูงกระทิงลงมาทานหญ้าในช่วงเย็น
2. ป่ายาง: ฝูงช้างและสัตว์ป่ามักชอบมาเล่นน้ำที่บึงน้ำใหญ่
3. พุยายสาย: เป็นจุดที่สามารถชมสัตว์ป่าได้ใกล้ชิดที่สุด มักพบฝูงกระทิงที่นี่
4. หน้าผา: ชมวิวผืนป่ากว้างที่สวยงาม
รถของเราเราเข้าไปได้สักพักก็เจอ “สุนัขจิ้งจอก” วิ่งออกมาจากข้างทางให้เห็นอยู่พักนึง แต่อยู่ไกลกว่าระยะกล้องที่จะส่องถึง และถ้าเร่งเครื่องรถเข้าไปใกล้ๆ มันก็จะตกใจ ก็เลยทำให้ไม่สามารถถ่ายรูปได้
สัตว์ที่เจอส่วนใหญ่เป็นนกอาทิ นกแก๊ก (นกเงือกขนาดเล็ก) นกกระเต็น นกแซงแซวหางบ่วง นกแซงแซวหางปลา นกหัวขวาน นกเอี้ยง นกตะขาบทุ่ง นกกระปูด ส่วนนกกระแตแต้แวต และไก่ป่า ออกมาเดินอวดโฉมกันทั้งครอบครัวพร้อมเบบี๋ตัวจิ๋วด้วย และระหว่างนั่งรถนั้นก็จะเห็นเต่าทอง และผีเสื้อบินผ่านไปผ่านมาตลอดเวลา
ตามรายทางจะมีต้นไม้ล้มอยู่หลายต้น คือ “ต้นนนทรี” ซึ่งช้างชอบทานค่ะ และหากสังเกตเห็นนกกระยางหลายๆ ตัว นั่นคือใกล้แหล่งที่ ช้างและ กระทิงอยู่ เนื่องจากเจ้านกกระยางจะคอยอาศัยทานแมลงทานหนอนจากดินที่ฝูงช้างและฝูงกระทิงดึงหญ้าขึ้นมา
ณ จุดชมวิวจุดที่ 3 เราเจอ ช้าง 6 ตัว ซึ่งออกมาอวดโฉมให้เห็นชัดๆ 3 ตัว ส่วนที่เหลือหลบเล็มใบไม้อยู่ด้านหลัง (เห็นก้นแว่บๆ)
พี่ไกด์ของเราบอกให้เราลงจากรถเดินไปดูช้างกันใกล้ๆ ได้ ในระยะใกล้ที่สุดที่เจ้าหน้าที่บอกว่าปลอดภัยค่ะ ซึ่งในบริเวณนี้ก็มีรถของนักท่องเที่ยวอีกหลายคันรถจอดชมอยู่เช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ พวกเราได้ทันเป็นช้างพ่นฝุ่นใส่ตัวเพื่อไล่แมลงด้วยค่ะ
สักพักพี่ไกด์แจ้งว่า มีรถคันอื่นเจอฝูงกระทิงอยู่ที่ทุ่งสน เราจึงรีบขับตามไปดู ก็พบกระทิงฝูงย่อมราว 40 ตัวกำลังเล็มหญ้ากันอยู่ มีเบบี๋ตัวจิ๋ว 3 ตัวรวมอยู่
จากนั้นเราก็ไปจุดชมวิวจุดที่ 4 ซึ่งลงจากรถไปถ่ายภาพมุมกว้างกับผืนป่าและท้องฟ้าที่สวยสุดๆ หากได้ยินเสียง “แก๊กๆๆ” ต้องรีบหันไปหาเสียงเลยนะคะ มองหานกปากแหลมๆ สีเหลืองใหญ่ๆ ลำตัวสีดำ นั่นคือ “นกเงือก” ทริปนี้เจอนกเงือกถึง 7 ตัวเลยค่ะ
ส่วนนกที่ออนเซนชอบคือ นกกระเต็นที่เรารู้จักกันดีในนาม “Kingfisher” ตัวสีฟ้า ปากเรียวแหลมเล็ก เวลาบินเห็นเป็นสีฟ้าเหลือบๆ สวยมากค่ะ
ขากลับเราผ่าน ฝูงกระทิงอีกครั้ง และได้พบวัวแดงลูกผสม 1 ตัว (เจ้าหน้าที่บอกว่าโชคดีมาก เพราะหาเจอได้ยาก)
พอขับผ่านจุดชมวิวที่ 2 มีต้นหางนกยูงสีส้มตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้า มีศาลช้างตั้งอยู่ด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำซากโครงกระดูกช้างที่พบในอุทยานแห่งชาติกุยบุรีมารวบรวมไว้ที่ศาลนี้
คนขับเลี่ยงไปใช้ถนนเบี่ยง เลาะริมบึงน้ำใหญ่ มีผาเล็กๆ คล้ายวิวแกรนด์แคนยอนด้วยค่ะ สักพักผ่านจุดชมวิวที่ 1 เจอ ฝูงกระทิงเล็กอีก ราว 10 ตัว
เราใช้เวลาส่องสัตว์ไป 2 ชั่วโมงนิดๆ เลยเวลาที่กำหนดไป 15 นาที ซึ่งพี่ไกด์บอกว่าช่วงเดือน พ.ค. มืดช้าสามารถช้าได้นิดหน่อย แต่ถ้าเป็นช่วงหน้าหนาวที่มืดไว อาจต้องจบทริปก่อน 18.00 น. ก็มี
รถของเราออกจากอุทยานเป็นคันสุดท้าย จริงๆ แล้วไม่แนะนำให้เอาอย่างนะคะ เพราะในป่า “ไร้สัญญาณโทรศัพท์” และ”ไร้สัญญาณอินเตอร์เน็ต” หากเกิดเหตุรถขัดข้องกลางป่าจะไม่มีรถคันอื่นคอยช่วย ทั้งนี้บนรถยังมี Walkie-talkie ที่คนขับใช้สื่อสารกับเจ้าหน้าที่อยู่ค่ะ
พี่ไกด์บอกว่า การมาส่องสัตว์ของเราครั้งนี้ถือว่าโชคดีสุดๆ เพราะนอกจากจะได้เจอ ช้าง กระทิงแล้ว.. ทริปนี้เรายังเจอ สุนัขจิ้งจอกและ วัวแดงลูกผสมที่หาเจอได้ยากอีกด้วยค่ะ
หากมีเวลามากหน่อยแนะนำให้แวะ “หมู่บ้านรวมไทย” ยังมีกิจกรรมให้ทำอีกค่ะ อาทิ ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ชมการทำใบชาใบหม่อน เก็บขี้ช้างมาทำกระดาษ ทำกระดาษจากใบสับปะรด กรีดยางพารา ชมการกลึงไม้ เก็บมัลเบอร์รี่ และบ้านพักโฮมสเตย์ ส่วนใครที่ชอบแนวผจญภัยก็มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ และลานกางเต็นท์ในอุทยานแห่งชาติกุยบุรีค่ะ
หมายเหตุ
• การส่องสัตว์เหมือนต้องมากับดวงด้วยนะคะ เพราะบางครั้งอาจไม่เจอสัตว์ป่าที่ต้องการ สัตว์เค้าอาจจะไม่ออกมาให้เราเห็นก็ได้.. แต่มันก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่ง เพราะคราวหน้าเราอาจจะเจอสัตว์ที่แตกต่างจากคราวนี้ก็ได้ค่ะ
• อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จะปิดการท่องเที่ยวประจำปี 2566 ระหว่าง 1 – 30 มิถุนายน 2566 เพื่อให้แหล่งท่องเที่ยวและทรัพยากรธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติกุยบุรีเกิดการฟื้นตัว
ค่ารถที่เราจ่ายไป 850 บาท/คัน ถูกจัดสรรไปให้คนขับ 500 บาท, ไกด์ 170 บาท, หมู่บ้าน 50 บาท ส่วนที่เหลือเข้าอุทยาน >> ถือเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่ชาวบ้านในระแวกนั้นอีกทางหนึ่ง เนื่องจากไร่สับปะรด ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ขนุน ถูกช้างป่าบุกเข้ามาทำลายอยู่บ่อยครั้ง จนเจ้าหน้าที่ต้องตั้ง “ศูนย์เฝ้าระวังช้างป่า อุทยานแห่งชาติกุยบุรี” คอยระวังสัตว์ป่าที่จะออกมาหากินในไร่ของชาวบ้าน
โดยจะมีรถบริการ 50 คัน พร้อมไกด์อีก 30 คน นักท่องเที่ยวจะจองรถส่องสัตว์เฉลี่ย 10 คัน/วัน ถ้าช่วงสิ้นปีการจองรถสูงถึง 50 คันเลยนะ ก็ช่วงหน้าหนาวสัตว์จะออกมาเป็นฝูงใหญ่มากกว่านี้หลายเท่า (แต่ไม่ได้จองรถเยอะทุกวัน)
– พิกัด: “จุดชมช้างห้วยลึก” ณ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี
– เปิดทำการ: ส่องสัตว์ 14.00 – 18.00 น. (ปิดจำหน่ายตั๋ว 17.00 น.)
– ค่าเข้าชม:
– ค่าบริการนำเข้าชมช้างป่ากุยบุรี ราคา 850 บาท/คัน (นั่งได้ไม่เกิน 8 ท่าน)
– ค่าบริการอุทยานแห่งชาติ ผู้ใหญ่ 40 บาท, เด็ก 20 บาท, ผู้สูงอายุ เข้าฟรี!! (คนต่างชาติ: ผู้ใหญ่ 200 บาท, เด็ก 100 บาท)
– ค่าเช่ากล้องส่องทางไกล 50 บาท/กล้อง
สอบถามเพิ่มเติม โทร. 085-266-1601 หรือ Facebook: watchchangkui