เป็นอันว่าประเทศไทยของเราก็เข้าสู่ช่วงเวลาของการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว
ภายหลังเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2566 เมื่อวันจันทร์ที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา
ขณะที่ผมเขียนต้นฉบับวันนี้ยังไม่ทราบว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. จะกำหนดให้วันใดเป็นวันเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ แต่ก็คงจะต้องไม่น้อยกว่า 45 วัน และไม่เกิน 60 วัน หลังจากพระราชกฤษฎีกามีผลบังคับใช้
นับว่ายังมีเวลาอีกพอสมควรที่พรรคการเมืองต่างๆ จะหาเสียงกันได้อย่างเต็มที่ พร้อมๆกับพวกเราประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งก็ยังมีเวลาที่จะพินิจพิจารณาก่อนจะตัดสินใจเลือกใคร หรือเลือกพรรคไหน ได้อย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน
ในส่วนของนักการเมืองจะใช้วิธีหาเสียงอย่างไร ทุ่มเทสุดๆ ขนาดไหน ปล่อยให้ท่านว่าของท่านไปเถอะ เพราะมี กกต.จับตาดูอยู่แล้ว
แต่ในส่วนของพวกเราประชาชนชาวไทยนี่ซีครับ ที่ผมคงจะต้องขอร้องวิงวอนท่านเป็นพิเศษ เพื่อให้ใช้ความละเอียดรอบคอบและการพินิจพิจารณาอย่างจริงจัง
เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการเลือกตั้งที่สำคัญมากที่สุดอีกครั้งหนึ่งของประเทศไทย
การจะเลือกพรรคใดมาบริหารประเทศ หรือเลือกบุคคลใดมาเป็นนายกรัฐมนตรี ผู้นำประเทศ จึงสำคัญอย่างยิ่ง
ถ้าเราสังเกตจากการทำโพลของสำนักต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา หรือแม้แต่เมื่อไม่กี่วันที่แล้ว เราจะพบว่าจะมีอยู่ข้อหนึ่งที่สำนักโพลบอกไว้ว่า “ยังไม่ตัดสินใจเลือกใคร”
บางครั้งเปอร์เซ็นต์ของการยังไม่ตัดสินใจจะสูงมาก สูงกว่าเปอร์เซ็นต์ของการตัดสินใจเลือกพรรคนั้นพรรคนี้เสียอีก
ผมไม่แน่ใจว่าจำนวนผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจในการสำรวจของโพลหลังสุดจะมีมากน้อยเพียงใด
ถ้ายังมีอยู่มาก ผมก็จะขอบคุณอย่างยิ่ง และขอฝากให้ท่านใช้เวลาคิดต่อไป คิดนานๆ คิดให้ละเอียดในทุกแง่มุม โดยเฉพาะในกรณีที่จะเลือกใครมาเป็นนายกฯ
หรือหากเหลือน้อยแล้ว เพราะส่วนใหญ่ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าฉันชอบพรรคนั้นชอบพรรคนี้ ชอบคนนั้นคนนี้จึงต้องเลือกอย่างนั้นอย่างนี้
จะเป็นไปได้ไหมครับที่จะขอให้ท่านลองคิดต่ออีกหน่อย…แล้วค่อยตัดสินใจใหม่อีกหน
โดยเฉพาะการตัดสินใจอยากได้ใครมาเป็น “นายกรัฐมนตรี” คนต่อไปนั้น เป็นประเด็นที่ผมอยากให้คิดกันอย่างละเอียด หยิบชื่อมาขึ้นกระดานกันเลย แล้วพิจารณาว่าเราควรจะเลือกใคร?
ขณะเดียวกันก็ใช้วิธีคิดแนวใหม่ คือแทนที่จะมองว่าท่านเหล่านั้นจะมาทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้มากน้อยแค่ไหน? ก็ให้มองเสียว่า “ท่าน” จะมาทำให้ชาติ “วุ่นวาย” มากน้อยแค่ไหน?
ดูกันอย่างละเอียด โดยเน้นไปว่าใครขึ้นมาแล้วจะกลายเป็น “ชนวน” ให้เกิดความวุ่นวายมากกว่ากัน
ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 45 วันและไม่เกิน 60 วัน ที่จะเป็นวันเลือกตั้งครั้งนี้คิดให้รอบคอบที่สุด เพื่อที่จะเลือกคนที่จะเป็นปัญหาน้อยที่สุด
ผมเคยเขียนไว้แล้วว่า การเลือกตั้งครั้งนี้พวกเราเหมือน “กบ” ในนิทานอีสป เรื่อง “กบเลือกนาย” เพราะจะต้องเลือกนายกฯควบคู่ไปด้วย
เลือกดีไม่ดี ได้ “นกกระสา” มาแล้วก็จะวุ่นกันใหญ่
คำว่า “นกกระสา” ในที่นี้มิได้หมายถึงนกที่จะมาจับพวกเราชาวกบกินเท่านั้น แต่ยังมีความหมายลึกซึ้งกว่านั้น คือเป็นนกกระสายุคใหม่ที่ไม่เพียงแค่กินกบ แต่จะเป็นนกกระสาที่อาจมี “โรคหวัดนก” ติดตัวด้วย
แม้ไม่กินกบโดยตรง แต่ก็สามารถแพร่เชื้อหวัดนก สร้างความวุ่นวายให้แก่ชาวกบด้วยสาเหตุนานาประการ อันจะทำให้ขอนไม้ที่เราเคยอยู่อาศัยอย่างเป็นสุข กลายเป็นขอนไม้แห่งความทุกข์ขึ้นมาทันที
ผมจึงอยากให้ช่วยกันคิด…คิดให้ดีที่สุดรอบคอบที่สุด และขออย่าให้เลือกผิดได้ “นกกระสา” ที่เป็น “ไข้หวัดนก” มาเป็น “นาย” เราก็แล้วกัน จะเป็นเหตุให้ทะเลาะกันวุ่นวายทั้งเมืองอีกครั้ง.
“ซูม”