เมื่อวันเสาร์ที่ 14 มกราคม ซึ่งเป็น “วันเด็กแห่งชาติ” ผมมีโอกาสไปเที่ยวงาน “วันเด็ก” ข้างบ้านเข้าอย่างบังเอิญได้เห็นความสุขของเด็กๆ ได้เห็นรอยยิ้มของพ่อแม่ผู้ปกครองที่พาเด็กๆ มาเที่ยวงานแล้วก็อยากจะบันทึกไว้
เพื่อเป็นการยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า ผู้ใหญ่ไทยเป็นผู้ใหญ่ที่รักเด็กอย่างแท้จริง…ให้ความสำคัญแก่เด็กและอยากเห็นเด็กๆ ของเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีของบ้านเมืองในอนาคต
ที่สำคัญ สิ่งที่ผมเห็นเมื่อเช้าวันเด็กในงานวันเด็กดังกล่าวทำให้ผมตระหนักอีกครั้งหนึ่งว่า แม้บ้านเมืองไทยของเรานี้จะยังคงเต็มไปด้วย “ความเหลื่อมล้ำ” และ “ช่องว่าง” ในเรื่องความรวย ความจนในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่และอีกสารพัดเรื่อง ฯลฯ
แต่สิ่งหนึ่งที่คนไทยเรามีเหมือนกันและไม่มีช่องว่างเลยก็คือ รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ ซึ่งสะท้อนความสุขที่เราได้รับจากการเกิดมาในผืนแผ่นดินที่เรียกว่า “ประเทศไทย” นั่นเอง
ผมเพิ่งไปตระเวนงานวันเด็กล่วงหน้าตามห้างต่างๆ เมื่อ 2 วันก่อน ได้เห็นรอยยิ้มและได้ฟังเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข และสนุกสนานของเด็กๆ ที่น่าจะมีผู้ปกครองอยู่ในเกณฑ์รายได้สูง จึงสามารถมาเที่ยวห้างใหญ่ๆ ได้
ต่อมาเมื่อเช้าวันเด็กแห่งชาติผมพลัดหลงเดินเข้าไปในงานวันเด็กที่จัดโดย เขตบางกะปิ ซึ่งปีนี้มาเลือกจัดที่ ลานกีฬาพัฒน์ ซึ่งเป็นลานกีฬาและสวนสาธารณะขนาดเล็กแห่งหนึ่งของชุมชน เคหะคลองจั่น ห่างจากบ้านผมเพียงแค่ 1 กิโลเมตรเท่านั้น
ตั้งอยู่ระหว่างหมู่บ้าน ทาวน์เฮาส์ ที่เรียกกันว่า การ์เดน อพาร์ตเมนต์ กับอาคารแฟลตต่างๆ ที่เรียกกันว่า “แฟลตคลองจั่น” หลายสิบอาคารพอดิบพอดี
ผมจะไปเดินออกกำลังในสวนสาธารณะเล็กๆ แต่ร่มรื่นแห่งนี้ทุกวันเสาร์ เพราะชอบที่เขามีเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้งไว้บริการด้วยอีกหลายอย่าง เช่น เครื่องปั่นจักรยานอยู่กับที่, เครื่องโยกตัว, เครื่องหมุนตัว ไปจนถึงเครื่องนวดกระดูกสันหลังที่นวดแล้วหายปวดหลังอย่างชะงัด
แถมยังมีสนามบาสเกตบอลอยู่ด้วย 2 สนาม เพื่อไว้บริการชาวชุมชนที่ชอบกีฬายัดห่วง ซึ่งก็จะมีมาเล่นกันพอสมควรในวันหยุดเสาร์อาทิตย์
เขตบางกะปิก็มาอาศัยสนามบาสเกตบอลนี่แหละครับ เป็นสถานที่จัดงาน “วันเด็ก” ในนามของเขต
เมื่อผมออกไปเดินตอนเช้าๆ วันเสาร์ ตามความเคยชิน จึงได้เที่ยว “วันเด็ก” กับเขาด้วยอย่างไม่คาดฝัน
ก็เลยถือโอกาสไปนั่งเก้าอี้พลาสติกที่ทางเขตนำมาตั้งไว้หน้าเวที เปิดงานนับร้อยตัว ร่วมพิธีเปิดงานและฟังคำปราศรัยของท่านผู้อำนวยการเขตร่วมกับเด็กๆ และผู้ปกครองอื่นๆ อยู่พักใหญ่
ผมคาดเดาว่าเด็กๆ และผู้ปกครองน่าจะมาจากชุมชนบริเวณนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นครอบครัวมนุษย์เงินเดือน หรือผู้ค้าขายเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นประชากรหลักของแฟลตคลองจั่น
เทียบรายได้ของครอบครัวเด็กๆ เหล่านี้แล้วก็คงห่างไกลจากครอบครัวเด็กๆ ที่ผมเห็นตามห้างเมื่อวันก่อนหลายๆ เท่า
แต่ก็อย่างที่ผมเขียนไว้ตอนต้นแหละครับว่ารอยยิ้มของเด็กๆ และความสนุกของเด็กๆ เหมือนกันหมดทั้งประเทศ โดยไม่มีช่องว่างอะไรเลย
รอยยิ้มจากตุ๊กตาตัวละพันจากห้าง ไม่แตกต่างจากตุ๊กตาตัวละไม่กี่ร้อยบาทที่เด็กๆ คลองจั่นได้รับแจกเวลาเล่นเกมได้รางวัลแม้แต่น้อย
ขอบคุณทุกองค์กรทุกบริษัทห้างร้านทั่วประเทศไทยที่ร่วมกันจัดงานวันเด็ก ให้ความสุขแก่เด็กๆ อย่างพร้อมเพรียงกัน
รวมทั้งเขตบางกะปิ ที่มาจัดงานที่ลานกีฬาพัฒน์ด้วยนะครับ
ผมในฐานะคนแก่ที่เคยมีโอกาสร่วมงานวันเด็กครั้งแรกของประเทศไทย เมื่อ พ.ศ.2499 ยังจดจำความสุขที่ได้รับจาก “คุณครู” และ “ผู้ใหญ่” หลายคนในยุคโน้นมาได้จนถึงวันนี้
จึงหวังว่าเด็กๆ ที่ได้รับความสุขในวันนี้ จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้าด้วยความสุข และไม่ลืมวันเด็กแห่งชาติที่หนูๆ ได้รับจากผู้ใหญ่ใจดีในปี 2566 นี้เช่นเดียวกัน.
“ซูม”