กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์โรคโควิด–19 ของประเทศไทย สัปดาห์ที่ 49 ระหว่างวันที่ 4–10 ธันวาคม ซึ่งเป็นรายงานครั้งล่าสุด พบว่ามีผู้ติดเชื้อใหม่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลทั้งสิ้น 3,916 คน และเสียชีวิตทั้งสิ้น 107 คน

คิดเฉลี่ยเป็นรายวันก็เท่ากับว่าติดเชื้อใหม่วันละ 566 คน และเสียชีวิตวันละ 15 คน ซึ่งเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่มีผู้ติดเชื้อใหม่ 4,786 ราย เฉลี่ยวันละ 612 คน และเสียชีวิต 105 คน เฉลี่ยวันละ 15 เช่นกัน ถือว่าดีขึ้นเล็กน้อย

สัปดาห์ที่น่าห่วงที่สุดก็คือสัปดาห์ที่ 47 ถอยหลังไปประมาณวันที่ 20-27 พ.ย. พบว่ามีผู้ติดเชื้อเข้ารักษาในโรงพยาบาลถึง 4,914 คน แต่ก็ยังดีที่มีผู้เสียชีวิตเพียง 74 คน หรือเฉลี่ยมากวันละ 10 คน ทำให้ประชาชนไม่รู้สึกตื่นตระหนกมากนัก

สัปดาห์ที่ว่านั้นเป็นสัปดาห์ที่เวลาไปเจอใครก็จะได้ยินเสียงบอกว่า “ติดโควิด” เป็นแถวๆ เพียงแต่อาการไม่หนักมาก ไปหาหมอ หมอท่านก็ไล่กลับบ้าน ให้ยามารับประทานและกักตัวที่บ้านครบ 7 วัน ตรวจ ATK แล้วเหลือขีดเดียวก็ถือว่าหาย

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเราก็สอดคล้องกับของโลกนั่นแหละครับ

ว่าไปแล้วช่วง 2-3 สัปดาห์ที่แล้วตัวเลขติดเชื้อใหม่ทั่วโลกพุ่งขึ้นไปถึงหลัก 5 แสนคนต่อวันอยู่หลายวัน โดยเฉพาะประเทศดังๆ อย่าง ฝรั่งเศสในยุโรปติดใหม่วันละ 7-8 หมื่นรายอยู่หลายวันเช่นกัน

หรืออย่างในเอเชีย เกาหลีใต้ก็ขึ้นมา 7-8 หมื่นต่อวัน ในขณะที่ญี่ปุ่นหนักกว่าเกินวันละแสนติดต่อกันถึง 4-5 วันเลยทีเดียว

แต่ก็อย่างที่เราทราบกันดีมาถึงนาทีนี้ผู้คนทั้งโลกแทบไม่มีชาติไหนกลัวโควิด-19 อีกแล้ว อาจเป็นเพราะได้ฉีดวัคซีนกันค่อนข้างทั่วถึงทำให้อันตรายน้อยลง จึงหันมายึดถือคติติดเชื้อก็รักษากันไป ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่เหมือนช่วงแรกๆ

จะมีก็แต่จีนที่แรกๆ ก็เข้มข้นใช้นโยบาย “ซีโร่โควิด” ระบาดที่ไหนสั่งล็อกดาวน์ ปิดเมือง ปิดท้องถิ่น 100 เปอร์เซ็นต์ที่นั่น…ทำให้ประชาชนเดือดร้อนออกมาประท้วงอย่างหนัก

ล่าสุดก็ต้องยอมผ่อนปรนและค่อยๆลดความเข้มลงไปเรื่อยๆ

ส่วนจะลดเต็มที่จนถึงขั้นเปิดประเทศทั้งให้คนไปเที่ยวจีนโดยสะดวก หรืออนุญาตให้คนจีนไปเที่ยวทั่วโลกอย่างสะดวกได้เหมือนก่อนคงต้องรอต่อไปอีกระยะหนึ่ง

ครับ! ทั้งหมดนี้ก็คือสถานการณ์โควิด-19 โลก สรุปโดยย่อ

สำหรับบ้านเราปรับตัวได้รวดเร็วกว่าใครๆ อาจเป็นเพราะมั่นใจว่าฉีดวัคซีนได้เข้าเป้าในระดับหนึ่ง จึงชิงเปิดบ้านเปิดเมืองก่อนคนอื่น และก็ได้นักท่องเที่ยวเข้ามามากมายทะลุ 10 ล้านคนไปเรียบร้อย

นักท่องเที่ยวที่มาก็มีสวมหน้ากากบ้าง ไม่สวมบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่สวม…เผอิญโชคดีที่คนไทยเรายังเชื่อกระทรวงสาธารณสุขอยู่ เวลาออกจากบ้านไปไหนจะสวมใส่หน้ากากกันเป็นอาภรณ์ประจำกาย ผมว่าน่าจะกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ในช่วงนี้

วันก่อนผมไปดูละคร “สุนทราภรณ์” ที่ สยามสแควร์ และเข้า สยามพารากอน เห็นแล้วตกใจนักท่องเที่ยวแน่นเอี้ยดไปหมด และส่วนใหญ่ก็ไม่สวมหน้ากากอย่างที่ว่า

แต่พอมองไปที่คนไทยก็เบาใจลง เพราะส่วนใหญ่ยังใส่กันอยู่ และก็ยังพกแอลกอฮอล์กันอยู่…ทำให้อัตราแพร่เชื้อของเราแม้จะเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ก็เริ่มซาๆ ลงตามตัวเลขที่กระทรวงสาธารณสุขแจ้งผลข้างต้น

ผมคาดว่าตลอดเดือนธันวาคมไปจนถึงกุมภาพันธ์ นักท่องเที่ยวคงจะแห่กันมาเที่ยวบ้านเราอย่างล้มหลามต่อไปอีก และก็คงจะเป็นพาหะนำเชื้อโควิด-19 เข้ามาสู่ประเทศเราเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว

แม้เชื้ออาจจะเบาลง ไม่น่ากลัวเหมือนยุคก่อน…แต่ก็ขอให้เราจงอย่าประมาทเด็ดขาดทุกครั้งที่ออกจากบ้าน…ไม่ว่าจะไปแห่งหนใดขอให้สวมหน้ากากอนามัยกันต่อไปนะครับ และอย่าลืมพกแอลกอฮอล์ อย่าลืมล้างมือบ่อยๆครับ

ป้องกันไว้ให้เต็มที่เอาไว้ก่อน เพราะเชื้อโควิด–19 ยังไม่หมด ไปจากโลก…แม้อันตรายอาจน้อยลง แต่เป็นแล้วต้องเสียเวลากักตัวต้องโดนห้ามไม่ให้ทำโน่นนี่…ฉะนั้นไม่เป็นซะเลยจะดีที่สุดครับ.

“ซูม”