ม.หอการค้าฯ “ฟันธง”! เศรษฐกิจไทย “เริ่มฟื้น”

เมื่อวานนี้ผมลองส่องกล้องดูเศรษฐกิจโลกในช่วงนี้ พบว่ามีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เกิดขึ้นมาวับๆ แวมๆ ที่สหรัฐอเมริกาจากการที่ “ภาวะเงินเฟ้อ” ล่าสุดเริ่มชะลอตัวลง

ทำให้คาดกันว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะไม่ถอยหลังไปมากกว่านี้ เพราะธนาคารกลางสหรัฐฯ คงจะเลิกใช้ยาแรงคือ ขึ้นดอกเบี้ยในอัตราสูงร้อยละ 0.75 ซ้ำอีกในเดือนธันวาคม

แต่ก็มีนักเศรษฐศาสตร์หลายคนเตือนว่าอย่าเพิ่งชะล่าใจธนาคารกลางสหรัฐฯอาจเหยียบเบรกต่อ เพราะเคยพูดไว้ว่า การรักษาโรค “เงินเฟ้อ” นั้นจะต้องมุ่งมั่น จะต้องใช้เวลา และไม่ใจอ่อนง่ายๆ

ฉะนั้น จึงต้องติดตามกันว่าสหรัฐฯ จะเหยียบเบรกแรงต่อไปหรือไม่ ในเดือนธันวาคมที่จะมาถึง

ขณะเดียวกันเมื่อส่องกล้องไปดูทางยุโรปก็พบว่า…สาหัสสากรรจ์มาก เพราะสหราชอาณาจักร หรืออังกฤษซึ่งเงินเฟ้อสูง และแก้เงินเฟ้อมาพอสมควร ช่วงนี้กำลังตกอยู่ในภาวะ “ถดถอย” คือเศรษฐกิจติดลบแล้วในไตรมาสที่ 3

ในขณะที่ยุโรปอื่นๆ เช่น เยอรมนี หรือฝรั่งเศสอาจยังไม่ถดถอย เพราะตัวเลขยังบวกอยู่ แต่ก็มีคำเตือนว่าต้องระวังตัวเอาไว้ให้ดี เพราะอัตราเงินเฟ้อในยุโรปหลายประเทศยังรุนแรงเหลือเกิน

เสร็จแล้วผมก็ทิ้งท้ายว่าแม้เศรษฐกิจของโลกและที่โน่นที่นี่หลายแห่งจะดูมีปัญหามาก แต่ของไทยเรากลับมีแนวโน้มที่ดีจากถ้อยแถลงของ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

ผมจดเอาไว้ตั้งแต่สัปดาห์ก่อนและตั้งใจจะเอามาลงสัปดาห์นี้ นอกจากจะเพื่อเปรียบเทียบกับประเทศหลักๆของโลกแล้วยังจะเพื่อปลอบใจและให้กำลังใจแก่พวกเราชาวไทยด้วย…ดังต่อไปนี้ครับ

เริ่มจากดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้เสียก่อน…มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยท่านอธิการบดี ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย แถลงว่าปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 44.6 เป็น 46.1

เรียกว่าดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันแล้วและเดือนที่ผ่านมานี้ถือเป็นตัวเลขที่ดีขึ้นสูงสุดว่างั้นเถอะ

สำหรับการพยากรณ์เศรษฐกิจของปีนี้และปีหน้านั้นมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย…คาดว่าปีนี้ 2565 จะค่อยๆกลับมาบวกมากขึ้นในช่วงปลายปี และเมื่อรวมทั้งปีท่านคาดว่าจะบวกถึง 3.3-3.5 เปอร์เซ็นต์

สัญญาณบวกนั้นเริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจนมากในไตรมาสนี้ โดยเฉพาะจากการลอยกระทงที่ผ่านมาที่มีการจับจ่ายใช้สอยมากกว่าทุกๆ ปีในช่วงหลังๆ คิดเป็นอัตราเพิ่มถึงร้อยละ 6

ท่านยังมองต่อไปว่าการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวตั้งแต่ปีนี้ไปจนถึงปีหน้าจะเป็นแรงกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ และเป็นไปได้ที่ปี 2566 จะขยายตัวได้ในกรอบ 3.5-4 เปอร์เซ็นต์ กลับสู่ภาวะปกติของเราที่เคยเกิดขึ้นก่อนโควิด-19 ระบาดอีกครั้งหนึ่ง

แม้จะมีเงื่อนไขและข้อสมมติฐานหลายข้อที่อิงอยู่กับสถานการณ์สงครามและเศรษฐกิจโลกที่อาจจะมีผลทำให้คำทำนายผิดพลาดได้ในอนาคต

แต่ผมก็ขอเอาใจช่วยและลุ้นให้การทำนายของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยจงถูกต้องทุกประการ

เพราะการคาดการณ์หรือการทำนายที่ถูกต้องจะสร้างความมั่นใจให้แก่มหาวิทยาลัย และขณะเดียวกันก็สร้างเครดิต หรือความเชื่อถือของประชาชนที่มีต่อมหาวิทยาลัยมากขึ้น

เหมือนในต่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัยดังๆ หลายแห่งจะมีบทบาทในการออกมาให้ข้อมูล เพื่อการตัดสินใจสำหรับนโยบายต่างๆ ทั้งแก่รัฐบาลและประชาชน หรือสื่อมวลชนของประเทศนั้นๆ

ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้ทำหน้าที่ในการสำรวจและสร้างเครื่องชี้วัดต่างๆ ที่ดีมาก และได้รับความเชื่อถือจากประชาชนค่อนข้างมาก จึงขอเอาใจช่วยให้ทำหน้าที่ได้อย่างดียิ่งขึ้นไปอีกในอนาคต

ป.ล. เผลอๆ การทำนายของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยจะถูกเป๊ะเอานะเนี่ย เพราะก่อนผมส่งต้นฉบับไปเรียงพิมพ์นี่เองมีการแพร่ภาพนักท่องเที่ยวขาเข้าแน่นเอี๊ยดสุวรรณภูมิอีกแล้ว พร้อมๆกับการแถลงของ ตม.ว่ามีผู้โดยสารต่างประเทศเข้าประเทศไทยถึง 57,000 คน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

เกือบจะเท่าตัวเลขยุคประเทศไทยเราพีกสุดๆ ที่เฉลี่ยสูงถึงวันละ 60,000 รายแล้วนะครับเนี่ย.

“ซูม”

ข่าว, เศรษฐกิจ, เงินเฟ้อ, ไทย, ซูมซอกแซก