เห็นด้วย “มหกรรมแก้หนี้” ต่อลมหายใจ “หนี้ครัวเรือน”

เมื่อวันจันทร์ที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา มีการแถลงข่าวที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ผมเห็นว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการแก้ปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่งของชาติ จึงหยิบมาเขียนเผยแพร่ให้รับรู้รับทราบกันอย่างกว้างขวางมากขึ้นไปอีกในวันนี้

ข่าวการเตรียมการจัดงานมหกรรมที่เรียกว่า “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ : มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” นั่นแหละครับ

สืบเนื่องมาจากปัญหาโรคระบาดมหาภัยโควิด-19 ที่ระบาดไปทั่วโลกและทั่วประเทศไทย จนทำให้เศรษฐกิจการค้าพังทลาย ผู้คนว่างงาน ตกงานกันอย่างมหาศาล จนส่งผลให้ภาวะ “หนี้ครัวเรือน” เพิ่มสูงขึ้นจนสั่นสะเทือนกันไปทุกๆ ประเทศรวมทั้งไทยแลนด์ของเราด้วย

คงจะเคยได้ยินได้ฟังตัวเลขกันมาบ้างแล้วนะครับว่าในไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 ที่ผ่านไปหมาดๆ นี่เอง มูลค่าหนี้ครัวเรือนของประเทศไทยสูงขึ้นไปถึงระดับ 88 เปอร์เซ็นต์ของ GDP เลยทีเดียว

ปัญหาใหญ่เรื่องนี้อยู่ในสายตาของหน่วยงานด้านเศรษฐกิจของกระทรวงต่างๆ ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย ฯลฯ มาโดยตลอด และได้มีการแก้ไขเพื่อบรรเทาปัญหามาเป็นระยะๆ

แต่เนื่องจากปัญหายังไม่สะเด็ดน้ำจึงต้องใช้ความพยายามที่จะแก้ไขต่อไป จนเป็นที่มาของการจัดมหกรรม “ร่วมใจแก้หนี้” ที่ว่านี้ขึ้น

โดยจัดเวทีให้เจ้าหนี้กับลูกหนี้ให้มาคุยกันเพื่อหาทางยืดหนี้ผ่อนหนี้ หรือปรับโครงสร้างหนี้ ฯลฯ เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถเดินหน้าต่อไปได้ อันจะเป็นผลดีแก่เศรษฐกิจของประเทศเป็นส่วนรวม

ในการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อาคม เติมพิทยาไพสิฐ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ประการหนึ่งของมหกรรมนี้ว่าจะช่วย “ลูกหนี้” ทั้ง 2 กลุ่มไปพร้อมๆกัน

กลุ่มแรก ได้แก่ ลูกหนี้ที่ยังผ่อนชำระอยู่ แต่เริ่มประสบปัญหารายได้หรือค่าครองชีพ ทำให้ผ่อนชำระยากขึ้น ขอให้แวะมางานนี้ด่วน ในขณะที่ลูกหนี้กลุ่มที่เป็นหนี้เสียก็ไม่ต้องอายไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกยึดทรัพย์สิน…ขอให้มาเปิดอกคุยกันเพื่อหาทางออกในงานนี้ด้วยเช่นกัน

ท่านรัฐมนตรีคลังกล่าวด้วยว่า การจัดมหกรรมครั้งนี้ จะแบ่งออกเป็น 2 วิธี คือแบบ “ออนไลน์” ซึ่งได้เปิดดำเนินการแล้ว นับตั้งแต่วันแถลงข่าว (26 กันยายน) ไปจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน

อีกวิธีหนึ่งจะเรียกว่า “ออนไซต์” ก็คงได้กระมัง เพราะจะมีการเปิดสถานที่ตามฮอลล์ หรือศูนย์การประชุม ศูนย์แสดงสินค้าต่างๆ เพื่อให้ทั้งลูกหนี้เจ้าหนี้มาเจอกันและเจรจากัน

ท่านยังไม่ได้บอกสถานที่เอาไว้ชัดเจน แต่บอก “กำหนดการ” และจังหวัดที่จะเป็นศูนย์กลางในการจัดมหกรรมไว้แล้วว่าจะดำเนินการใน 5 จังหวัด ได้แก่ ครั้งที่ 1 ระหว่าง 4-6 พฤศจิกายนนี้ ในกรุงเทพมหานคร

ส่วนครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 18-20 พฤศจิกายน ที่จังหวัดขอนแก่น, ครั้งที่ 3 ระหว่าง 16-18 ธันวาคม ที่เชียงใหม่, ครั้งที่ 4 วันที่ 20-22 มกราคม 2566 ที่ชลบุรี และครั้งที่ 5 วันที่ 27-29 มกราคม 2566 ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

โดยจะมีสถาบันการเงินเข้าร่วมมหกรรมไม่น้อยกว่า 60 แห่งขอให้ติดตามข่าวคราวโดยละเอียดต่อไป

ท่านรัฐมนตรีทิ้งท้ายด้วยว่าในมหกรรมแก้ไขหนี้ครั้งนี้ไม่เพียงแค่จะมีการปรับโครงสร้างหนี้ตามเงื่อนไขต่างๆ ที่จะกำหนดขึ้นเท่านั้น ยังจะมีการจัดหาสินเชื่อใหม่ๆ ไปให้กู้เพิ่มเติมสำหรับลูกหนี้ที่อยู่ในฐานะที่พร้อมจะเดินหน้าหรือต่อยอดกิจการของตนเองอีกด้วย

นอกจากนี้ก็ยังมีการแถลงข่าวของท่านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ท่านรองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ และท่านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ เป็นต้น

ที่ผ่านมาถ้าผมจำไม่ผิดเพราะเคยเขียนประชาสัมพันธ์ให้หลายครั้งในคอลัมน์วันเสาร์ของผมว่ามีการจัดมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้…ขึ้นบ้างแล้วที่โน่นที่นี่…ซึ่งก็ทราบข่าวว่าสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ระดับหนึ่ง

เมื่อมาร่วมแรงร่วมใจกันจัด “มหกรรมใหญ่” ขึ้นเช่นนี้ ผมก็หวังว่าจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือนและสารพัดหนี้ที่คนไทยเราเผชิญอยู่ทุกวันนี้ได้มากขึ้นกว่าที่เคยจัดกันมา

ถือเป็นการช่วยต่อลมหายใจแก่ “ครัวเรือนไทย” ที่เป็นหนี้เป็นสินพะรุงพะรังให้ยืนหยัดสู้ต่อไปได้

ผมจึงเห็นด้วยกับงาน “มหกรรม” งานนี้ และขอให้ประสบความสำเร็จนะครับ ท่านรองนายกฯ ท่านรัฐมนตรีคลัง และท่าน
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย.

“ซูม”

ข่าว, หนี้สิน, ครัวเรือน, แก้ปัญหา, มหกรรม, ซูมซอกแซก