ขณะที่ผมเขียนคอลัมน์วันนี้ในเวลาบ่าย 3 โมงของวันพุธที่ 23 มีนาคมนั้น เวลาที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา จะอยู่ที่ 3 นาฬิกาของวันใหม่ หรือตี 3 ของวันพุธที่ 23 มีนาคม 2565 เช่นกัน
ผู้คนที่สหรัฐฯ น่าจะกำลังนอนหลับเป็นส่วนใหญ่ของประเทศยกเว้นผู้ที่มีความจำเป็นที่จะต้องทำงานยามดึกจำนวนหนึ่ง
แต่คงไม่ใช่เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการรวบรวมตัวเลขสถิติเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่-ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นประจำวัน…หรือผู้หายป่วยประจำวัน ฯลฯ ของมหาวิทยาลัย จอห์น ฮอปกินส์ ผู้จัดทำตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของสหรัฐฯและทั่วโลกแน่ๆ
เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อรวมของสหรัฐฯ ยังนิ่งอยู่ที่ 81 ล้าน 4 แสนเศษ ติดเชื้อใหม่ประจำวัน 23,000 เศษๆ เสียชีวิตประจำวัน 817 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมดของสหรัฐฯยังอยู่ที่ 999,792 ราย
หรืออีก 208 ราย จึงจะครบ 1,000,000 (หนึ่งล้าน)
เข้าใจว่าเวลาประมาณสัก 4 ทุ่ม คืนวันพุธที่ 23 มีนาคม บ้านเรา ซึ่งเป็นเวลา 10 โมงเช้าที่นิวยอร์ก อันเป็นเวลาที่คนอเมริกันจะออกมาทำงานกันเต็มที่ รวมทั้งพนักงานกรอกตัวเลขของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ด้วย น่าจะมีผลทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตเพราะโควิด-19 ของสหรัฐฯทะลุผ่าน 1 ล้านคนในวันนี้
เมื่อวันที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่ง และมีพิธีเฉลิมฉลองตามประเพณีของสหรัฐฯ 21 มกราคม 2564 นั้น มีคนอเมริกันเสียชีวิตจากโควิด-19 ตามสถิติของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ 439,793 ราย ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้ตัวเลขกลมๆ ว่า 400,000 ราย
มีการประดับธงชาติสหรัฐฯเอาไว้ในบริเวณสนามหญ้าอันกว้างใหญ่ แห่งใดแห่งหนึ่งของกรุงวอชิงตัน รวมทั้งสิ้น 400,000 ผืน เพื่อเป็นการไว้อาลัยและรำลึกถึงผู้เสียชีวิตด้วยโควิด-19 ในโอกาสดังกล่าวด้วย
ก่อนหน้าหนึ่งคืน ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ไปยืนไว้อาลัยแก่ผืนธงทั้งหมด รวมถึงประกาศนโยบายฉีดวัคซีน 100 ล้านโดสให้ 100 ล้านคน ใน 100 วันแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
ผมไม่แน่ใจว่าท่านทำได้ตามเป้าหรือไม่…แต่ทราบว่ารัฐบาลของท่านเดินหน้าเต็มที่ให้ความสำคัญต่อการต่อสู้กับโควิด-19 และสู้อย่างเข้มแข็ง ผิดจากยุคของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ราวหน้ามือกับหลังมือ
แต่ก็อย่างที่เราทราบ โควิด-19 เองก็พัฒนาตัวเองมาสู้กับมนุษย์อย่างไม่ลดละ มีการกลายพันธุ์ใหม่มาเป็นเดลตาบ้าง โอมิครอนบ้าง
ไม่นานนักยอดผู้เสียชีวิตของคนอเมริกันก็ผ่านหลัก 5 แสน เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และมีข่าวว่าท่านประธานาธิบดีไบเดน ก็ได้ทำพิธีจุดเทียนไว้อาลัยแก่ 5 แสนชีวิตที่ทำเนียบขาวอีกครั้งหนึ่ง
มาถึงวันนี้…(23 มีนาคม ที่ผมบันทึกเหตุการณ์) ผู้เสียชีวิตของสหรัฐฯน่าจะผ่านหลัก 1 ล้านอย่างที่ว่า แต่ยังไม่เห็นข่าวว่าจะมีการจัดพิธีใดๆ หรือไม่
พอดีช่วงนี้มีเรื่องวุ่นๆ ของโลก กรณีรัสเซียบุกยูเครน…ประธานาธิบดี โจ ไบเดน กำลังอยู่ระหว่างเดินทางไปยุโรป เพื่อหารือเรื่อง “คว่ำบาตร” หรือยุติการซื้อน้ำมันและพลังงานของรัสเซีย ทำให้ข่าวการเสียชีวิต 1 ล้านคนยังเงียบๆ อยู่
หรือจะเป็นอย่างที่หนังสือพิมพ์อเมริกันฉบับหนึ่งที่ผมอ่านเจอในออนไลน์เมื่อเร็วๆ นี้ พาดหัวไว้ว่า “เหตุใดการเสียชีวิตอันมากมายจึงดูเงียบเหลือเกิน…หรือเรากำลังเห็นว่า 1 ล้านชีวิตที่จากไปเพราะโควิด-19 เป็นเรื่องธรรมดา (NORMAL) ไปเสียแล้ว?”
ขออย่าให้เป็นดังเช่นที่หนังสือพิมพ์ออนไลน์ฉบับนี้ตั้งคำถามไว้เลย…1 ล้านชีวิตที่สหรัฐฯ ไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างแน่นอน และ 6 ล้าน 1 แสนกว่าชีวิตทั่วโลก ณ นาทีนี้ยิ่งไม่ใช่ธรรมดามากขึ้นไปอีก
ถ้าไม่นับสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 แล้ว ไม่มีสงครามใดๆ ที่จะมีผู้เสียชีวิตมากถึง 6 ล้านคน เพราะสงครามเกาหลีประมาณไว้ 5 ล้านกว่า และสงครามเวียดนามก็ประมาณ 1 ล้าน 3 แสนๆ กว่า
ที่สำคัญโรคระบาดนี้ดูเหมือนจะซาลงและชาวโลกก็ให้ความสำคัญน้อยลง ทั้งๆ ที่โดยความจริงแล้ว โควิด-19 ก็ยังอาละวาดอยู่ ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อและยอดผู้เสียชีวิตก็ยังสูงอยู่อย่างมีนัยสำคัญ
อย่าเพิ่งเบาใจและอย่าเพิ่งประมาทกันนะครับ…โดยเฉพาะ พวกเราชาวไทยที่ยอดติดเชื้อยังสูงเกินวันละ 2 หมื่นรายในขณะนี้.
“ซูม”

