ซอกแซกสัปดาห์นี้ขอแวบกลับไปที่จังหวัดสกลนครอีกสักครั้งนะครับ เหตุเพราะเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานี่เอง (7 กุมภาพันธ์ 2565) หัวหน้าทีมมีโอกาสติดตามผู้ใหญ่ของไทยรัฐไปร่วมพิธีมอบโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 110 (บ้านชมภูพาน) ที่ตำบลสร้างค้อ อำเภอภูพาน จังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นข่าวใหญ่หน้า 1 เมื่อหลายวันก่อน
ก่อนไปร่วมพิธีมอบและหลังพิธีมอบ แม้จะมีเวลาไม่มากนัก แต่ก็มากพอที่จะแวบไปดูโน่นดูนี่และรับประทานโน่นรับประทานนี่ได้พอสมควรอยู่…ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนที่นำมาพาดหัวคอลัมน์วันนี้ขึ้นมาในทันทีทันใด
นั่นก็คือความรู้สึกที่ว่า “ไปเมืองนี้ทีไร ก็มีความสุขทีนั้น” จึงต้องขออนุญาตกลับมาเขียนถึงสกลนครอีกคราด้วยประการณ์ฉะนี้แล
เที่ยวที่แล้วช่วงที่ไปทำประชาพิจารณ์ ร่วมกับพี่น้องชาวตำบลสร้างค้อเพื่อจะถามความสมัครใจของท่านว่า พร้อมหรือไม่? ที่จะเข้าร่วมโครงการกับไทยรัฐและเป็นหนึ่งในโรงเรียนไทยรัฐวิทยาเพื่อชุมชนในชนบทที่เราจะสร้างเพิ่มขึ้นอีก 10 แห่ง เนื่องในโอกาสที่ท่าน ผอ.กำพล วัชรพล ได้รับการยกย่องจากยูเนสโก ให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก ด้านการศึกษาและสื่อมวลชน
นอกจากจะได้รับคำตอบจากพี่น้องว่า “พร้อมครับ” กลับมาแล้ว…ก็ยังได้เรื่องราวเกี่ยวกับ สถานที่ท่องเที่ยว และอาหารการกินมาฝากท่านผู้อ่านคอลัมน์ซอกแซกอีกด้วย ถ้าจำไม่ผิดหัวหน้าทีมเขียนติดต่อกันถึง 2 สัปดาห์เลยทีเดียว
ไปเที่ยวนี้นอกจากจะได้เห็นรอยยิ้มที่เบิกบานและเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจของพี่น้องชาวตำบลสร้างค้อ อำเภอภูพาน ที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตรีนุช เทียนทอง ท่านให้เกียรติไปเป็นประธานในพิธีรับมอบอาคารเรียนมูลค่า 4,760,000 บาท ด้วยตนเองแล้ว ปรากฏว่าระหว่างรอขึ้นเครื่องบินกลับมีเวลาพอที่จะนั่งรถไปรอบๆ เมืองสกลนคร พร้อมกับแวะนมัสการ พระธาตุเชิงชุม ปูชนียสถานเก่าแก่คู่เมืองสกลอีกคำรบหนึ่ง
อีกทั้งยังมีเวลาเหลือพอที่จะเดินออกไปที่ถนนหน้าวัด ที่เรียกว่า ถนนผ้าย้อมคราม หรือ ถนนผ้าคราม อันมีชื่อเสียงของจังหวัดสกลนครอีกด้วย
ถนนสายนี้เป็นถนนเล็กๆ แต่สะอาดสะอ้านเป็นที่สุด ทั้ง 2 ฟากถนนจะมีร้านจำหน่ายผ้าย้อมคราม ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชาวสกลขนานแท้ เพราะไม่ค่อยเห็นในจังหวัดอื่นๆ เท่าไรนัก
นอกจากจะมี “ร้าน” หรือ “บ้าน” ที่ดัดแปลงมาเป็นร้านแล้ว จากคำบอกเล่าของแม่ค้าขายข้าวจี่ที่ปากทางเข้าถนน ทำให้ทราบว่าในช่วงเสาร์-อาทิตย์ ของยามปกติที่ไม่มีโควิด-19 มารบกวน จะมีการปิดถนนสายนี้ให้เป็นถนนคนเดิน และจะมีแม่ค้าพ่อค้ารายย่อยนำ “ผ้าคราม” และสินค้าพื้นเมืองอื่นๆ ของจังหวัดมาวางขายเต็มท้องถนนไปหมด
แต่ในช่วงโควิด-19 ยังไม่ซาเช่นนี้ โครงการถนนคนเดินจึงระงับเอาไว้ก่อน…เป็นเหตุให้ทั้งถนนที่หัวหน้าทีมซอกแซกเดินออกจากวัดพระธาตุเชิงชุมมาสำรวจอยู่เกือบ 10 นาทีนั้นค่อนข้างเงียบเหงา
นี่ก็เป็นแรงบันดาลใจอีกประการหนึ่งที่ทำให้หัวหน้าทีมซอกแซกเห็นว่าควรจะเขียนถึงถนนที่มีเสน่ห์ และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของจังหวัดสกลนครแห่งนี้ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าไว้
โควิดซาเมื่อไร…เที่ยวได้ทั่วไทยเมื่อไร… อย่าลืมแวะไปสกลนครด้วย ไปเยี่ยมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่คอลัมน์นี้เขียนไว้แล้ว ตั้งแต่เมื่อครั้งก่อน คือเที่ยวตามคำขวัญจังหวัด ได้แก่ “พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาร แลตระการปราสาทผึ้ง สวยสุดซึ้งสาวภูไท ถิ่นมั่นในพุทธธรรม” นั่นแหละครับ
ตามด้วยสถานที่นอกคำขวัญแต่ชาวบ้านนิยมมาก เช่น อุทยานบัวเฉลิมพระเกียรติ, หมู่บ้านท่าแร่, พิพิธภัณฑ์อาจารย์ฝั้น อาจาโร ฯลฯ และฝาก ถนนย้อมคราม หน้าวัดพระธาตุเชิงชุมไว้ด้วยอีกแห่งก็แล้วกัน
นอกจากแวะไปไหว้พระธาตุซ้ำอีกครั้ง พร้อมทั้งไปเดินถนนย้อมครามดังได้บรรยายไว้แล้ว กลับไปเที่ยวนี้หัวหน้าทีมซอกแซกยังมีโอกาสแวะไปรับประทาน “อาหารหนัก” และ “อาหารเบาๆ” ซ้ำที่เดิมอีก 2 แห่งครับ
เริ่มจากไปรับประทานอาหารค่ำที่ “ฟาร์ม ฮัก” บ้านโพนยางคำ ตำบลโนนหอม อำเภอเมืองสกลนคร นั่นแหละ ขับรถไปสัก 15 นาที เห็นจะได้…จะพบกับร้านอาหารที่ออกแบบไว้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบครบวงจร…มีทั้งฟาร์มแกะฟาร์มโค ให้เด็กๆดูตอนเย็นๆและดูเหมือนมีอาคารที่เป็นห้องพักไว้สำหรับค้างแรมด้วย
ส่วนในร้านอาหารที่ออกแบบเป็นโรงเรือนไว้ 2 ชั้นนั้น…ก็จะมีอาหารทำนองปิ้งย่าง ชาบู ชาบู ควันโขมง…โดยเฉพาะเนื้อย่างนั้นใช้ เนื้อ โพนยางคำ ต้นตำรับขนานแท้…จะสั่งมาเป็น “สเต๊ก” ก็ได้ครับ รสชาติน้องๆ ร้านสเต๊กดังๆ ตามโรงแรมต่างๆ ใน กทม. เลยทีเดียว
อีกหนึ่งที่ที่แวะไปซ้ำก็คือ กาแฟกับของหวานและของว่าง ร้าน “สวีทคอทเทจ” (Sweet Cottage) ที่ออกแบบเป็นกระท่อมริมสวน (แบบยุโรป)…มีที่นั่งให้เลือกทั้งโต๊ะในกระท่อมและโต๊ะกลางสวน ในขณะที่รสชาติกาแฟและของหวานต่างๆก็อร่อยถูกปาก…ทำให้มีลูกค้าแวะมาอุดหนุนแน่นขนัดและไม่ขาดสายตลอดเกือบครึ่งชั่วโมงที่คณะของเราไปนั่งดื่มและขบเคี้ยวรอเวลาไปขึ้นเครื่องบิน
สรุปว่า “คอนเฟิร์ม” สำหรับ 2 ร้านอาหารทั้งหนักและเบาที่ว่านี้…เพราะไปถึง 2 ครั้งยังไม่เบื่อแถมตั้งใจไว้ว่ามีโอกาสกลับไปสกลนครอีกอาจจะต้องแวะเป็นหนที่ 3
นึกไม่ถึงจริงๆ ครับว่าจะมีอาหารดีรสชาติ “ทันสมัย” แบบนี้ซุกอยู่ที่จังหวัดเล็กๆ ที่แสนไกลอย่างสกลนคร.
“ซูม”