“สถานการณ์” พิสูจน์ “ผู้นำ”

ภาษิตโบราณที่ว่า “ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน และสถานการณ์พิสูจน์ผู้นำ” กำลังจะเวียนมาบังเกิดขึ้นแก่ประเทศไทยของเราอีกครั้งหนึ่งละครับ

เพราะเมื่อมองดูสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้คงต้องบอกว่า สับสนอลหม่านไปหมดทั้งในทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ถึงเวลาที่จะต้องพิสูจน์ฝีมือ “ผู้นำ” ดังที่ภาษิตโบราณกล่าวไว้

ในทางการเมืองนั้น นอกจากจะมีปัญหาพรรคสนับสนุนรัฐบาลโดยตรง มีการแตกตัวเหมือน “อะมีบา” ออกไปตั้งพรรคใหม่ จนงงไปหมดว่ามีพรรคไหนกันบ้าง ดังที่ทราบกันอยู่แล้วนั้น…

ล่าสุดยังมีข่าวว่าพรรคร่วมรัฐบาลที่ดูเหมือนจะสนับสนุนท่านนายกฯ ลุงตู่ด้วยความเข้มแข็ง มั่นคง มาโดยตลอด ก็ทำท่าว่าจะลดดีกรีความเข้มแข็งลงไปด้วยเช่นกัน

พรรคภูมิใจไทย ไงครับ…เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ส่งจดหมายลาประชุมคณะรัฐมนตรีที่หนังสือพิมพ์ใช้คำว่า “บอยคอต” อย่างตรงไป ตรงมา เพราะไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของกระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับกรณี รถไฟฟ้าสายสีเขียว จึงไม่ขอเข้าประชุมด้วย

พร้อมกับฝากข้อสังเกตเป็นเชิงคำถามให้มหาดไทยตอบให้ชัดเจน รวม 4 ข้อด้วยกัน

ซึ่งต่อมาก็มีรายงานข่าวว่า การบอยคอตของ 7 รัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทยดังกล่าวมีผลอย่างมาก เพราะทำให้ “บิ๊กตู่” ต้องยืดเวลาการตัดสินใจเรื่องขยายสัมปทาน “รถไฟฟ้าสายสีเขียว” ต่อไปโดยให้ท่านรัฐมนตรีมหาดไทย ในฐานะผู้รับผิดชอบและนำเสนอเรื่องนี้กลับไปทำรายงานเพิ่มเติมเพื่อตอบข้อสังเกต 4 ข้อ ของพรรคภูมิใจไทยให้ครบถ้วนแล้วค่อยเสนอมาใหม่

อย่างไรก็ตาม บรรดาเกจิทางการเมืองทั้งหลายต่างก็วิเคราะห์ว่า ข้อสังเกตของพรรคภูมิใจไทยทั้ง 4 ข้อ ไม่ใช่เรื่องที่จะตอบกันได้ง่ายๆ และเชื่อว่าถึงจะเคลียร์อย่างไร และตอบใหม่อีกกี่หน ก็ยากที่พรรคภูมิใจไทยจะยอมรับ

เพราะถ้าจะว่าไปก็เป็นข้อสังเกตเดิมๆ ที่พรรคภูมิใจไทยเคยตั้งเอาไว้มาตั้งแต่ต้นนั่นเอง

ปัญหาจึงเกิดขึ้นว่า หาก “บิ๊กป๊อก” ไม่สามารถจะเคลียร์กับ “สมอลล์ทิน” หรือท่านรองนายกฯ อนุทิน ได้…“บิ๊กตู่” จะตัดสินใจเรื่องนี้อย่างไร?

ถ้าเดินหน้าในแนวทางเอาด้วยกับบิ๊กป๊อก ข้อสังเกตที่ว่า “เอื้อประโยชน์เอกชน” ซึ่งเป็นข้อสังเกตข้อสำคัญข้อหนึ่งที่พรรคภูมิใจไทยเคยตั้งประเด็นไว้ ก็จะกลายเป็น “แผลเป็น” ติดตัวต่อไปในวันข้างหน้าของ ครม.ชุดนี้อย่างแน่นอน

ดังนั้น ในกรณีที่เอาด้วยกับบิ๊กป๊อกละก็ บิ๊กตู่จะต้องเคลียร์ข้อนี้ให้ชัดเจนที่สุด…เพื่อให้ประชาชนเกิดความกระจ่างว่าเหมาะสมแล้วมิใช่เป็นการเอื้อประโยชน์แก่ใครๆ และอย่างใดทั้งสิ้น

ถ้าไม่เอากับบิ๊กป๊อก หันมาเห็นด้วยกับพรรคภูมิใจไทย…จะทำได้หรือไม่? จะโดนภาคเอกชนฟ้องร้องอะไรบ้างหรือไม่?

ที่สำคัญจะมีหนทางชำระหนี้ 50,000 กว่าล้านบาท ให้แก่ภาคเอกชนหรือไม่? อย่างไร?

ผมเองในฐานะประชาชนคนชอบใช้รถไฟฟ้าก็อยากให้จบสวยๆ และได้ประโยชน์ด้วยกันทุกๆ ฝ่าย

โดยส่วนตัวผมยังเชื่ออยู่หน่อยๆ ว่าเรื่องนี้อาจจบได้อยู่เหมือนกันเพราะเคยฟังท่านรัฐมนตรีศักดิ์สยามท่านมาปราศรัยในงานสัมมนาของกระทรวงคมนาคมกับไทยรัฐกรุ๊ป เมื่อเดือนที่แล้ว

จำได้ว่ารัฐมนตรีศักดิ์สยามเอ่ยถึงนายกรัฐมนตรีลุงตู่ไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง ว่าเป็นเจ้าของความคิดในโครงการโน่นนี่ ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมเห็นด้วยจึงได้ทุ่มเททำให้เต็มที่

อภิมหาโปรเจกต์นับสิบโครงการ บิ๊กศักดิ์สยามเห็นด้วยหมด และเอ่ยชื่นชมบิ๊กตู่กว่า 10 ครั้ง อย่างที่ว่า…มาขัดแย้งอยู่โครงการเดียวคือโครงการนี้ ซึ่งบังเอิญเสนอโดย บิ๊กป๊อก เท่านั้นเอง

ถ้าบิ๊กตู่แอ่นอกรับเสียเองว่าท่านก็เห็นด้วยกับข้อเสนอทั้งหมดของมหาดไทย และยินดีรับผิดชอบเต็มที่…รัฐมนตรีศักดิ์สยามอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ในนาทีสุดท้าย

สรุป…เรื่องนี้ยังไม่จบ…โปรดติดตามกันเอาเองนะครับ ว่าจะจบอย่างไร…โดยเฉพาะภาษิตไทยที่ว่า “สถานการณ์พิสูจน์ผู้นำ” นั้น จะพิสูจน์ “บิ๊กตู่” ด้วยเรอะเปล่า…เดี๋ยวก็รู้!

“ซูม”

ข่าว, พรรคภูมิใจไทย, รถไฟฟ้าสายสีเขียว, บอยคอต, รัฐมนตรี, ผู้นำ, ซูมซอกแซก