ในขณะที่หลายๆ ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศดังๆ ในยุโรปต่างก็ยังหวั่นวิตกกันอยู่ว่าจะได้ฉลองคริสต์มาสหรือปีใหม่ที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันนี้หรือไม่ เพราะการกลับมาระบาดอีกระลอกของโควิด–19 นั้นเอง
ประเทศในกลุ่มอาเซียนของเรายกเว้นเวียดนาม ดูเหมือนจะดีวันดีคืน เมื่อการแพร่ระบาดซาลง ยอดติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันลดลง…จนหลายๆ ประเทศเริ่มพูดถึงการ “ผ่อนคลาย” ในช่วงเทศกาลปีใหม่กันบ้างแล้ว
ขณะที่ผมเขียนต้นฉบับช่วงบ่ายๆ วันอังคารที่ 14 ธันวาคม ตัวเลขติดเชื้อใหม่ของ อินโดนีเซีย ประเทศที่มีประชากรกว่า 272 ล้านคน อยู่ที่ 106 รายเท่านั้น และเสียชีวิตก็เพียง 12 ราย
ฟิลิปปินส์ ซึ่งมีประชากรกว่า 108 ล้านคน และเคยติดเชื้อใหม่วันละเกินหมื่นราย ก็มีผู้ติดเชื้อใหม่ในวันเดียวกันนี้แค่ 360 ราย และเสียชีวิต 61 ราย ใช้คำว่า “เท่านั้น” ได้เช่นกัน
มาเลเซียก็ลดลงเรื่อยๆ เหลือวันละ 3,500 กว่าๆ และยอดผู้เสียชีวิตก็ลดตํ่าเหลือเฉลี่ยประมาณวันละ 20 รายเศษๆ
จะมีก็แต่ เวียดนาม อย่างที่ว่าซึ่งตัวเลขติดเชื้อใหม่ยังสูงถึง 15,000 กว่าๆ คน และย้อนหลังไป 7 วัน ก็เกินวันละ 10,000 มาตลอด จนเป็นประเทศเดียวในอาเซียนขณะนี้ที่ติดเชื้อใหม่เกินหลักหมื่นต่อวัน
สำหรับไทยเรานั้นก็อย่างที่ทราบ ดีวันดีคืนขึ้นเรื่อยๆ จนถึงวันที่เขียนต้นฉบับ ลงมาอยู่ที่ 2,862 ราย ตํ่าสุดนับตั้งแต่กลางเดือน มิ.ย. 6 เดือนเต็มเลยครับกว่าเราจะได้เห็นตัวเลข 2,000++ กันอีกครั้ง
ยังจำได้ว่าในช่วงโควิด-19 ระบาดวันละ 2 หมื่นกว่าๆช่วงเดือน สิงหาคม กันยายนนั้น…เราเดือดเนื้อร้อนใจและหวั่นวิตกกันอย่างมาก
หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านก็จะเจอแต่ข่าวพาดหัวคนไข้ล้นโรงพยาบาล ล้นห้องไอซียู ไปจนถึงเต็มโรงพยาบาลสนาม และที่หนักหนาสาหัสก็คือหลายๆ รายต้องเสียชีวิตที่บ้าน เพราะไม่มีรถโรงพยาบาลไปรับ
มาถึงวันนี้…วันที่ตัวเลขลดลงมากและยอดเสียชีวิตก็ลดมากเช่นกัน…ขวัญของคนไทยเราจึงค่อยๆ ดีขึ้น และเริ่มออกผ่อนคลายใช้ชีวิตนอกบ้านกันอย่างคึกคัก
ศูนย์การค้าเริ่มเต็ม…ร้านอาหารดังๆ เริ่มเต็ม จนบางแห่งก็ล้นนั่งรอคิวยาวเหยียดด้วยซํ้า
รวมทั้งข่าวพาดหัววันนี้…ไทยรัฐ ระบุว่า “คลายล็อกคืนส่งท้ายปีดื่มได้ถึงตี 1” เดลินิวส์ ก็พาดเปรี้ยงๆ ว่า “คอเหล้าทั่วประเทศเฮ! ก๊งในร้านได้ถึงตี 1 คืนเคาต์ดาวน์” ในขณะที่ มติชน แม้จะเป็นข่าวรอง แต่ก็พาดไว้ข้างบนสุดด้วยข้อความว่า “เคาะเคาต์ดาวน์ดริงก์ถึงตี 1”
ยกตัวอย่างแค่ 3 ฉบับก็แล้วกันครับ…ว่าปีใหม่นี้…คนไทยเราได้ฉลองอย่างแน่นอน เพียงแต่จะต้องทำตามกฎกติกา เช่น ต้องฉีดวัคซีน 2 เข็มแล้ว ต้องตรวจเอทีเคก่อนเข้าร้าน ฯลฯ เท่านั้น
ที่ผมอ่านข่าวแล้วชื่นใจก็ตรงที่รัฐบาลไม่เพียงแต่จะส่งเสริมสนับสนุนให้ดริงก์กับเคาต์ดาวน์อย่างเดียวเท่านั้น…ยังส่งเสริมให้มีการสวดมนต์ข้ามปีอีกด้วย…สั่งการให้ทุกจังหวัดจัดขึ้นทั่วประเทศ
ก็คงต้องขอบคุณระบบสาธารณสุขของไทยเรา ที่ต่อสู้อย่างเข้มแข็ง
ขอบคุณรัฐบาลไทยที่ทุ่มเทเงินทองซื้อวัคซีนมาฉีดอย่างไม่อั้น… แรกๆ ไม่มีขายหาซื้อยาก ก็ซื้อวัคซีนธรรมดาๆ ซึ่งช่วยป้องกันการป่วยหนักและการเสียชีวิตมาฉีดให้ก่อน
ต่อมาเมื่อวัคซีนที่ลือกันว่าเป็นวัคซีน “เทพ” เริ่มเหลือเฟือ หาซื้อได้ไม่ยาก…ท่านก็ซื้อมาฉีดให้อย่างทั่วถึง จนเดี๋ยวนี้จะมีแค่วัคซีนเทพอย่างเดียวเท่านั้นด้วยซํ้า ทำให้สถานการณ์ต่างๆ เริ่มดีขึ้นจนถึงขั้นจะมีการฉลองปีใหม่กันได้อย่างที่ว่า
แต่ก็อย่าเพิ่งประมาทนะครับ เพราะประเทศรวยๆ ที่ผลิตวัคซีนเองได้ และฉีดวัคซีนได้มากกว่าเรา และผ่อนคลายโน่นนี่จนดูเหมือนจะเป็นปกติดีแล้ว ก็เห็นกลับมาล็อกดาวน์กันอีกหนแทบทั้งสิ้น
ทั้งอังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ ฯลฯ ก็ยังมีข่าวระบาดหนักอยู่ทุกวันจนอาจจะไม่ได้ฉลองคริสต์มาส อย่างที่ผมเกริ่นไว้ตอนต้น
จึงถูกต้องแล้วครับ ที่เราจะฉลองกันอย่างไม่ประมาท ภายใต้มาตรการต่างๆ ที่ ศบค.แถลงไว้
โอมิครอนจะร้ายหรือไม่ร้าย ยังพิสูจน์ได้ไม่ชัดเจน แต่เจ้าเดลตาน่ะ ร้ายแน่ๆ…ดังนั้นจะดื่ม จะเคาต์ดาวน์ จะเฮฮาอย่างไร? ก็เชิญฉลองกันให้เต็มที่เถิด แต่อย่างลืม “ตั้งการ์ด” เอาไว้ด้วยก็แล้วกัน
เพราะเจ้าโควิด-19 ยังไม่ได้หลบหนีไปไหน…แค่แอบไปกลายพันธุ์ แล้วก็วนเวียนอยู่รอบตัวเรานี่เองครับ.
“ซูม”