หยุดผวา “โอมิครอน” ไว้ก่อน เจ้าเก่า “เดลตา” ยัง “น่ากลัว”

ขณะที่ผมนั่งเขียนต้นฉบับวันนี้ในช่วงบ่ายๆ ของวันเสาร์ที่ 4 ธันวาคมนั้น ยอดตัวเลขติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันทั่วโลก พุ่งไปถึงหลัก 700,000 อีกแล้ว…อยู่ที่ 705,356 ราย จากรายงานของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮ็อปกินส์

หลังจากลดไปอยู่ประมาณวันละ 300,000 กว่ารายในช่วงกลางๆ เดือนตุลาคมที่ผ่านมาจนดูเหมือนว่าโลกเราจะเอาชนะหรืออย่างน้อยก็ควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้แล้ว

ที่ไหนได้พอย่างเข้าเดือนพฤศจิกายนยอดติดเชื้อใหม่ประจำวันของโลกก็กลับพุ่งขึ้นมาเรื่อยๆ จนกลับมาทะลุ 700,000 อีกครั้ง

ทวีปที่เพิ่มมากอย่างน่าตกใจก็อย่างที่ทราบแหละครับ ทวีปยุโรป นั่นเอง อย่างวันนี้วันเดียวก็เพิ่มโดยรวมถึง 400,000 กว่าราย

หนักที่สุดยังเป็นเยอรมนีครับ…เพิ่มถึง 70,681 รายเสียทีเดียว เป็นวันที่สี่หรือที่ห้าแล้วกระมังที่ทะลุหลัก 7 หมื่นต่อวัน

สหราชอาณาจักร วันนี้ก็อยู่ที่ 50,584 ทะลุวันละ 5 หมื่นราย อีกแล้ว ถือว่าหนักหนาสาหัสเช่นกัน

ในขณะที่ฝรั่งเศส เจอไป 49,000 กว่าๆ โปแลนด์ 26,000 กว่า เนเธอร์แลนด์ 2 หมื่นกว่า และเบลเยียมก็ 20,000 กว่า

ต้องหันกลับมาใช้มาตรการ “เข้มงวด” กันอีกครั้ง โดยเฉพาะมาตรการที่ฮิตมากล่าสุดก็คือ “ล็อกดาวน์” คนไม่ได้ฉีดวัคซีน

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา คุณแองเกลา เมเคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ซึ่งจะทำหน้าที่ถึงวันพุธที่ 8 ธ.ค. หรือมะรืนนี้ ยังต้องทำงานด่วนชิ้นสุดท้าย คือสั่ง “ล็อกดาวน์” คนไม่ฉีดวัคซีนอย่างที่ว่า
ห้ามเข้าผับ บาร์ ร้านอาหาร ห้ามเข้าห้าง ห้ามเข้าสวนสาธารณะ ห้ามเข้าโรงหนัง ห้ามเข้าสถานที่สาธารณะบางแห่ง ฯลฯ

พร้อมกับฝากรัฐบาลใหม่ไว้ด้วยว่าอาจจำเป็นต้องเสนอกฎหมายต่อรัฐสภา “บังคับ” ให้ประชาชนเยอรมันทุกคนต้องฉีดวัคซีน

ที่น่าห่วงมากก็คือระบบสาธารณสุขจะรับไม่ไหว เพราะห้องพยาบาล หรือห้องไอซียูอะไรต่างๆจะไม่พอเพียงแน่ถ้ายอดติดเชื้อพุ่งเรื่อยๆแบบนี้

แม้ทุกวันนี้ยอดเสียชีวิตประจำวันของเยอรมนีก็สูงพอสมควร อย่างวันนี้ก็เสียไป 399 ราย ทำให้ยอดรวมเป็น 103,308 รายแล้ว นับตั้งแต่เกิดโรคระบาดเป็นต้นมา

องค์การอนามัยโลกรายงานว่า ไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดทั่วโลกล่าสุดนี้ 98 เปอร์เซ็นต์ ยังคงเป็นสายพันธุ์เดลตานั่นเอง

แต่ก็อย่างที่เราทราบ…ในขณะที่โลกยังเอา “เดลตา” ไม่อยู่กลับมีข่าวเชื้อกลายพันธุ์ใหม่ที่แรงกว่าเก่า “โอมิครอน” ออกมาเขย่าซ้ำเติมเสียอีก เขย่าแรงเสียด้วย และทำให้หวาดผวากันไปทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม หากดูทิศทางการต่อสู้กับโควิด-19 ของประเทศต่างๆในขณะนี้ จะพบว่าส่วนใหญ่ยังใช้ยุทธวิธีเดิมคือ เอาชนะ สายพันธุ์เก่า ด้วยการเร่งฉีดวัคซีนกันอย่างเต็มที่เสียก่อน

ขณะเดียวกันก็หวังว่า แม้วัคซีนเก่าซึ่งมีข่าวว่าอาจปกป้องการติดเชื้อเจ้าตัวใหม่โอมิครอนมิได้มากนัก แต่ก็ยังน่าจะช่วยปกป้องการป่วยหนัก หรือการเสียชีวิตได้ในเปอร์เซ็นต์สูง
ดังนั้น การฉีดวัคซีนจึงยังคงเป็นอาวุธสำคัญที่สุดที่ทั่วโลก โดยเฉพาะยุโรปใช้สู้กับโควิด-19 ทั้งสายพันธุ์เก่าและสายพันธุ์ใหม่ ณ นาทีนี้รวมทั้งบ้านเราด้วย ซึ่งมีการเร่งและประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ไปฉีดวัคซีนกันอย่างขนานใหญ่ในขณะนี้ใครยังไม่ได้ฉีดรีบไปฉีดเสียนะครับ

แม้เจ้าสายพันธุ์ใหม่จะฟังดูแล้วน่ากลัวอย่างไร แต่เมื่อสายพันธุ์เก่ายังอยู่ และก็ยังเล่นงานชาวโลกและบ้านเราด้วยอย่างทุกวันนี้… เราก็ต้องสู้กับสายพันธุ์เก่าไปพลางๆ ก่อน

ล่าสุดมีรายงานว่า สายพันธุ์ใหม่ “โอมิครอน” ระบาดแล้ว 40 ประเทศทั่วโลก ในขณะที่ผมเขียนต้นฉบับและมีคนติดเชื้อรวมทั้งหมด 735 รายเท่านั้น มากที่สุดคือ แอฟริกาใต้ 217 ราย ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา 150 ราย นอร์เวย์ 50 ราย ฯลฯ

เอเชียเจอที่ฮ่องกง 8 ราย เกาหลีใต้ 5 ราย อินเดีย 2 ราย ญี่ปุ่น 2 ราย สิงคโปร์ 2 ราย มาเลเซีย 1 ราย ศรีลังกา 1 ราย

หวังว่าคงจะเดินทางมาถึงเมืองไทย “ช้า” ที่สุดเท่าที่จะ “ช้า” ได้นะครับ

และก็หวังด้วยว่า “วัคซีน” ที่เราเร่งฉีดขณะนี้จะช่วย “บรรเทา” ความร้ายกาจของ “โอมิครอน” ลงได้ อย่างที่คุณหมอคาดหวังไว้ ประเทศไทยของเราจะได้ออกเดินไปข้างหน้ากันเสียที.

“ซูม”

ข่าว, โควิด-19, เดลตา, โอมิครอน, ฉีดวัคซีน, สายพันธุ์ใหม่, ซูมซอกแซก