“บ้านเรา” รอดูผล “ลอยกระทง” ในที่สุด “วันลอยกระทง 2564” ก็ผ่านไปด้วยความคึกคักพอสมควร เพราะมีรายงานข่าวว่าพี่น้องประชาชนไปร่วมลอยกระทงตามสถานที่ต่างๆ ที่จัดไว้อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง
ข้างๆ บ้านผมมีสวนสาธารณะอยู่สวนหนึ่งเปิดให้ประชาชนเข้าไปลอยกระทงทุกปีแม้จะมิได้จัดงานใหญ่อะไร แค่ปล่อยน้ำให้สูงขึ้นเพื่อประชาชนจะได้ลอยสะดวกๆ และเปิดไฟให้เจิดจ้าไว้ในบริเวณที่เป็นบันไดลงไปลอยเท่านั้น ก็มีคนไปลอยตั้งแต่ช่วงเย็นๆ ด้วยซ้ำ คึกคักพอๆ กับปีที่ผ่านๆ มา
เท่าที่สังเกตก็รู้สึกว่าสวนข้างบ้านผมมีการจัดระเบียบค่อนข้างดีมีเจ้าหน้าที่คอยระมัดระวังไม่ให้ประชาชนเข้าไปอย่างหนาแน่นเกินควรในช่วงที่ผมและครอบครัวแวะไปลอยตอนหัวค่ำ
แต่ตอนดึกผมนั่งดูข่าวทีวี เห็นหลายๆ ที่ผู้คนแน่นมาก และมีอยู่ที่หนึ่งน่าจะเป็นแถว ๆสถานีรถไฟฟ้า พร้อมพงษ์ หน้า สวนเบญจสิริ สุขุมวิท ผู้คนแน่นจนถึงขั้นเบียดเสียดไม่มีการรักษาระยะห่างแต่อย่างใด
ในที่อื่นๆ ก็แน่นพอสมควรจากข่าวทีวีที่สรุปมาทั้งประเทศ
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอีก 5 วัน 7 วันจากนี้ไปยอดติดเชื้อใหม่โควิด-19 ของเราจะเพิ่มสูงขึ้นอีกหรือไม่? อันเป็นผลพวงจากการออกไปลอยกระทงอย่างคึกคักดังที่กล่าวไว้แล้ว
ทำไงได้ล่ะครับ…เราจะต้องอยู่กับมันอย่างที่คุณหมอหลายท่านบอกไว้ ถือว่าการลอยกระทงครั้งนี้เป็นการทดสอบก็แล้วกันว่าเมื่อมีงานใหญ่ๆ หรือเทศกาลสำคัญๆ แบบนี้แล้ว เราจะเอาตัวรอดได้หรือไม่? อย่างไร? ในอนาคต
ขณะที่ผมนั่งเขียนต้นฉบับอยู่นี้ก็พอดีมีข่าวล่ามาออนไลน์จากสำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักระบุว่า ประเทศออสเตรีย ดินแดนแห่งเสียงเพลงวอลซ์และเพลงคลาสสิกอันไพเราะประเทศหนึ่งของยุโรปได้ตัดสินใจประกาศ “ล็อกดาวน์” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยจะเริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 22 พ.ย. หรือวันนี้เป็นต้นไป เป็นเวลา 20 วัน แต่จะมีการประเมินผลใน 10 วันแรก เพื่อปรับมาตรการเป็นระยะๆ
เหตุที่ออสเตรียตัดสินใจล็อกดาวน์ทั้งประเทศก็เพราะยอดผู้ติดโควิด-19 ใหม่รายวันกระฉูดมาตลอด 10 วันที่แล้ว จนวันหลังๆ เกิน 15,000 คน มีผลกระทบอย่างสูงต่อระบบสาธารณสุขของประเทศ
ก่อนหน้านี้รัฐบาลออสเตรียเพิ่งประกาศ “ล็อกดาวน์” คือห้ามเฉพาะหรือใช้บังคับกับผู้ที่มิได้ฉีดวัคซีนเท่านั้น แต่ก็เอาไว้ไม่อยู่ จึงต้องตัดสินใจ “ล็อกดาวน์” ทั้งประเทศในที่สุด
ณ วันที่ออสเตรียตัดสินใจล็อกดาวน์นั้นเอง ปรากฏว่า ตัวเลขติดเชื้อใหม่ของประเทศอื่นๆ ในยุโรปยังคงพุ่งกระฉูดอยู่ตลอด
สหราชอาณาจักรยังอยู่ที่วันละ 45,000 กว่าๆ รัสเซียวันละ 37,000-38,000 ในขณะที่ยูเครน, โปแลนด์, เนเธอร์แลนด์ และฝรั่งเศส วันละกว่า 20,000 ราย มาเป็นสัปดาห์แล้ว
ล่าสุด ฝรั่งเศสขึ้นมาอยู่ที่ 21,220 ราย และเริ่มพูดกันว่าอาจจะเป็นการระบาดรอบที่ 5 แล้วกระมัง
หนักที่สุดและเป็นข่าวมาหลายวันก็คือ เยอรมนีนั่นเอง เมื่อ 2 วันก่อนยอดติดเชื้อใหม่พุ่งไปถึง 60,000 กว่ารายและในวันที่เขียนต้นฉบับนี้ก็ยังอยู่ที่ 59,260 ราย
ท่านนายกฯ หญิงเหล็ก อังเกลา แมร์เคิล ที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง ถึงกับออกมาแถลงว่า “เยอรมนีกำลังเผชิญกับปัญหาที่หนักหน่วงมาก โดยเฉพาะเรากำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งน่าห่วงมากสำหรับปีนี้”
เยอรมนียังไม่เริ่มใช้มาตรการเข้มข้น เพราะยังหวั่นผลกระทบด้านเศรษฐกิจ จึงเริ่ม “ล็อกดาวน์” เฉพาะคนไม่ฉีดวัคซีนก่อน แต่ก็ประชุมกันในระดับสูงแล้วว่า หากจำเป็นก็คงต้องใช้วิธีที่เข้มข้นเช่นเดียวกับออสเตรีย
อ่านข่าวจากยุโรปแล้วก็ทำให้ตระหนักในความเป็นจริงอีกครั้งหนึ่งว่า เจ้า “โควิด-19” ยังไม่หนีหายไปไหนเลย…ทำท่าว่าซาลงในบางที่แต่พอถึงวันดีคืนดีก็โผล่กลับมาใหม่
ขนาดยุโรปซึ่งได้ชื่อว่ามีวัคซีนพรั่งพร้อมและใช้วัคซีนดีๆ ประเภทวัคซีนเทพทั้งนั้นยังมีปัญหา…ผลุบๆ โผล่ๆ เดี๋ยวมาเดี๋ยวไปไม่สิ้นสุดซะที
ผมถึงได้บอกว่าประเทศไทยเราก็คงต้องรออีก 5 วัน 7 วัน ว่าผลจากงาน “ลอยกระทง” จะทำให้สถานการณ์บ้านเราเป็นอย่างไรบ้าง? ถ้าจะกลับมาเพิ่มอีกครั้งก็ขอให้กลับมาในจำนวนที่ระบบสาธารณสุขของเราพอรับไหวนะครับ…อย่าให้เกินวันละหมื่นอีกก็แล้วกัน
เดี๋ยวจะต้องกลับมาเปิดโรงพยาบาลสนามแบบโกลาหลอลหม่าน และเกิดเหตุการณ์ประเภทเตียงไม่พอ ไม่มีรถพยาบาลไปรับ จนต้องเสียชีวิตคาบ้านอย่างที่เคยเกิดเมื่อ 3-4 เดือนที่แล้ว…ไม่อยากเห็นภาพแบบนั้นอีกเลยครับ.
“ซูม”