วันนี้ 1 พฤศจิกายน 2564 เข้าสู่วันแรกของเดือนที่ 11 แห่งปี… อันมีความหมายว่าจากนี้ไปก็อีกแค่ 2 เดือนเท่านั้น ปี 2564 อันสุดแสนทรมานก็จะผ่านไป…ยังไงๆ ก็อดทนอดกลั้นกันอีกหน่อย
นอกจากจะเป็นวันเตือนใจว่าปีนี้จะเหลืออีกแค่ 2 เดือนอย่างที่เกริ่น ไว้แล้ว…วันนี้ยังมีความสำคัญเป็นพิเศษที่จะต้องช่วยกันลุ้นควบคู่ไปด้วย
เพราะจะเป็นวันแรกของการ “เปิดประเทศ” เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวหรือใครก็ตามที่มีความประสงค์จะเดินทางมาประเทศไทยจากประเทศความเสี่ยงน้อย 45 ประเทศ กับ 1 เขตปกครองพิเศษฮ่องกง
เป็นวันแห่ง “ความหวัง” ของผู้ที่อยู่ในธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งในช่วง 30 ปีที่ผ่านนี้ได้กลายเป็นธุรกิจหลักมีสัดส่วนในผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศหรือ GDP ถึง 20 เปอร์เซ็นต์
โดยจะเป็นรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างแดนถึง 2 ใน 3 ของรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมด
ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2562 ที่ภาคท่องเที่ยวสามารถสร้างรายได้ ให้แก่ประเทศรวมกันประมาณ 3 ล้านล้านบาทนั้น…ก็ปรากฏว่าเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศถึง 2 ล้านล้านบาท อันเป็นผลจากการหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวเกือบ 40 ล้านคน
จู่ๆ เมื่อตัวเลขอันมหาศาลนี้วูบลงไปเพราะโควิด-19 พ่นพิษ…นักท่องเที่ยวต่างประเทศไม่เข้ามาเลย ในขณะที่นักท่องเที่ยวไทยก็ไปไหนมาไหนได้ไม่เต็มที่โดยเฉพาะในช่วงระบาดหนักๆ
บรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจท่องเที่ยวจึงล้มทั้งยืนกันไปหมดต้องปิดกิจการ ต้องลดหรือเลิกจ้างพนักงาน…ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงมากดังที่เราทราบกันดีอยู่แล้ว
ดังนั้นเมื่อโควิดเริ่มซาลงบ้างและการฉีดวัคซีนของคนไทยเราก็เป็นไปอย่างกว้างขวางและครอบคลุมมากขึ้น การเปิดประเทศให้มีการเข้ามาท่องเที่ยวในบ้านเราภายใต้กฎกติกาทางด้านสาธารณสุขที่รัฐบาลไทยเราวางแผนดำเนินการมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน จึงเป็นนโยบายและการดำเนินการที่คนไทยส่วนใหญ่เห็นด้วย
แม้จากผลการสำรวจโพลของกระทรวงสาธารณสุขเอง จะพบว่า ประชาชนถึง 92.4 เปอร์เซ็นต์ในพื้นที่ท่องเที่ยว 17 จังหวัดยังห่วงกังวล โดยเฉพาะเปอร์เซ็นต์สูงถึง 75.8 ที่เป็นห่วงในเรื่องการระบาด ซึ่งอาจจะกลับมาใหม่ เพราะนักท่องเที่ยวนำมาเผยแพร่
แต่ประชาชนที่เป็นตัวอย่างของการสำรวจก็แสดงความเข้าใจว่า การฟื้นฟูเศรษฐกิจนั้นเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องดำเนินการเช่นกัน
ส่วนใหญ่จึงฝากข้อคิดความเห็นให้ทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการในเรื่องนี้อย่างระมัดระวังและปฏิบัติตามกฎกติกาอย่างเข้มงวด
ผมขอร่วมฝากด้วยอีกแรงนะครับ…ใครไม่ปฏิบัติตามกฎ หรือหย่อนยานด้วยเหตุใดก็ตาม ต้องลงโทษทันที โดยเฉพาะถ้าหย่อนยาน เพราะอามิสสินจ้างด้วยละก็จะต้องลงโทษให้หนักที่สุด
มีข่าวล่าสุดว่า ในช่วง 5 วันแรกของการเปิดประเทศจะมีสายการบิน ต่างๆ ขนผู้โดยสารมาสู่ประเทศไทยผ่านประมาณ 15,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมาที่สุวรรณภูมินี่แหละ และบางส่วนก็ไปภูเก็ต หรือสมุย
ถามว่าเยอะไหม? ก็คงต้องตอบว่ายังไม่เยอะ…แต่ก็ถือเป็นการประเดิมที่ดี…ดีกว่าเปิดแล้วไม่มีคนมาเลยแบบที่เคยมีข่าวจากบางประเทศ…หวังว่าในสัปดาห์ต่อๆ ไป โดยเฉพาะในเดือนหน้าธันวาคม ซึ่ง เป็นเดือนหนาวสุดในต่างประเทศ จะมีผู้คนหนีหนาวมาสัมผัสความอบอุ่นในบ้านเราในจำนวนที่มากขึ้น
ผมขอให้กำลังใจทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการ “เปิดประเทศไทย” และหวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะดำเนินการไปได้ดีในทุกๆ ด้าน
แต่ถ้าเกิด “ไม่ดี” ขึ้นมา…เช่น โควิด-19 กลับมาระบาดใหม่อย่างรุนแรง และมีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นผลมาจากการเปิดประเทศ…เราเก๊าะสั่งปิดประเทศอีกหนจะเป็นไรไปล่ะ
ที่ผมยังเป็นห่วงอยู่มากก็ที่พวกเราชาวไทยกันเองนี่แหละครับ…เดี๋ยวจะเผลอตัวเผลอใจว่า รัฐบาลเปิดประเทศแล้ว ศบค.ก็คลี่คลายอะไรต่างๆ ลงไปมากแล้วนึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นปกติแล้ว…ก็เลยจะเลิก “ยกการ์ด” หรือปล่อยให้ “การ์ดตก” แบบไม่ระมัดระวังไปเสียหมด อันจะเป็นสาเหตุให้โควิด-19 กลับมาระบาดใหม่ได้เช่นกัน
ยังไงๆ ก็ยังต้องระวังนะครับ มาตรการสวมหน้ากากอนามัยรักษาระยะห่าง หมั่นล้างมือ ยังเลิกไม่ได้เด็ดขาด และอาจต้องใช้มากขึ้นในช่วงแรกๆของการเปิดประเทศด้วยซ้ำไป.
“ซูม”