เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ รวมถึงไทยรัฐด้วย พาดหัวยักษ์หน้า 1 อย่างพร้อมเพรียงกันว่ารัฐบาลซึ่งตัดสินใจจะเปิดประเทศอย่างมีเงื่อนไขในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ กำลังอยู่ระหว่างวางแผนที่จะจัดงาน “เคาต์ดาวน์” ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่อย่างยิ่งใหญ่ เพื่อดึงดูดใจนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น
โดยจะเชิญนักร้องที่โด่งดังระดับโลกในยุคนี้มาร้องเพลงในงานเคาต์ดาวน์ที่ว่าถึง 2 รายด้วยกัน
นักร้องรายที่ 1 ได้แก่ “น้องลิซ่า” หรือ ลลิษา มโนบาล สาวไทยสมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลี “แบล็กพิงก์” ที่ ณ นาทีนี้กลายเป็นนักร้องที่ทำยอดวิวกระฉูดในยูทูบถึง 2 เพลงด้วยกัน และยังทำสถิติโน่นนี่อีกหลายสถิติ ดังที่เราได้ยินข่าวกันอยู่แล้ว
ตามข่าวแจ้งว่าจะเชิญ “น้องลิซ่า” ไปร่วมแสดงในงานเคาต์ดาวน์ที่จะจัดขึ้นที่ภูเก็ต
สำหรับนักร้องรายที่ 2 ได้แก่ อันเดรอา โบเชลลี ศิลปินชาวอิตาลี ที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ พิพัฒน์ รัชกิจประการ ท่านกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เคยแสดงเรียกน้ำตาจากผู้คนทั่วโลกที่มหาวิหารดูโอโม ในคอนเสิร์ต Music For Hope มาแล้ว
ท่านบอกผู้สื่อข่าวว่า จะให้อันเดรอา โบเชลลี แสดงที่ท้องสนามหลวง โดยมีภาพวัดพระแก้วเป็นฉากอยู่ด้านหลัง ซึ่งจะเป็นภาพที่สวยงามมาก เมื่อมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก
ในฐานะที่ผมเป็นแฟนคลับของนักร้องทั้ง 2 รายนี้ โดยเฉพาะคุณ อันเดรอา โบเชลลี นั้น ผมเป็นแฟนมานานมาก…เมื่อครั้งที่มาแสดงที่ สยามพารากอน ฮอลล์ 6-7 ปีก่อน…ผมจำได้ว่าผมเพิ่งออกจากโรงพยาบาลรามาธิบดี หลังไปผ่าบายพาสหัวใจได้ 10 กว่าวัน
ยังอุตส่าห์นั่ง “รถเข็น” ไปฟังแกร้องกับเขาด้วยเลยครับ…
ในขณะที่น้องลิซ่าผมเพิ่งจะเป็นแฟนใหม่ที่เขาเรียกว่า “บลิงก์” อันหมายถึงสาวกของวง “แบล็กพิงก์” หลังจากได้เห็นเธอแต่งชุดไทยสวมรัดเกล้ายอดสะบัดมือสะกดชาวโลกกับได้ฟังเพลง Money ที่เธอแร็ปได้อย่างสะใจ…สดๆ ร้อนๆ นี่เอง
ก็รู้สึกดีใจครับที่อ่านข่าวเจอว่า ท่านรัฐมนตรีท่องเที่ยวจะเชิญทั้ง 2 รายนี้มาโปรโมตประเทศไทยในเทศกาลสำคัญ
แต่พอเห็นตัวเลขที่ท่านบอกว่า อาจต้องใช้จ่ายถึง 600 ล้านบาท โดยจะใช้เงินของรัฐ 200 ล้านบาท และของภาคเอกชนอีก 400 ล้านบาท …ผมก็รู้สึกฝ่อลงมาทันที–กลัวว่าจะได้ไม่คุ้มเสียน่ะซีครับ…
ผมยังไม่แน่ใจกับอารมณ์และความรู้สึกของนักท่องเที่ยวทั่วโลกครับ…ว่าเขาอยากจะเที่ยวกันอย่างเต็มที่แล้วหรือไม่?
หากผู้คนยังหวาดหวั่นและแหยงโควิดอยู่ละก็ จัดอะไรใหญ่โตเกินไปก็จะเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำไปเสียเปล่าๆ
ผมยังเชื่อว่า “เสน่ห์” ของประเทศไทยที่นักท่องเที่ยวยังจดจำได้คือ พระบรมมหาราชวังที่สวยงาม ความงดงามของธรรมชาติทั้งภูเขา ทั้งทะเล และอาหารอร่อย ราคาถูก ตลอดจนน้ำจิตน้ำใจของคนไทย ฯลฯ
เพราะฉะนั้น หากจะจัดงานเคาต์ดาวน์ให้ยิ่งใหญ่ แต่ว่าประหยัดลงมาหน่อย อาจจะทำให้เราลดค่าใช้จ่ายได้…และเหมาะสมกับสถาน การณ์ที่ยังไม่ควรจะทำอะไรเว่อร์วังจนเกินไปนัก
ถึงแม้จะใช้เงินของรัฐ ซึ่งหมายถึงเงินของพวกเรา เพียง 200 ล้านบาท แต่ก็จะต้องใช้ของภาคเอกชนไม่ตํ่ากว่า 400 ล้านบาท ถึงอย่างไร ก็เป็นเงินของประเทศไทย…อดเสียดายไม่ได้เหมือนกัน
ผมเห็นด้วยกับการเปิดประเทศอย่างมีเงื่อนไขและระมัดระวังอยู่แล้ว…ก็อยากให้ใช้แนวระมัดระวังต่อไปอีกสักพักใหญ่ๆ
ลงทุนเยอะแบบทุ่มจัดงานใหญ่เสียเลยเนี่ย…จะกลายเป็นขาดความระมัดระวังไปนะครับ…
อะไรไม่อะไร สำหรับน้องลิซ่าน่ะ เธอรักประเทศไทยช่วยโฆษณาให้ประเทศไทยเราอยู่แล้วโดยตลอด…วันก่อนโฆษณา “ลูกชิ้นยืนกิน” ไปแล้ว เมื่อเร็วๆ นี้ก็โฆษณาให้ “พะแนงไก่” อีกหน
ดังนั้น หากจะวานให้เธอให้สัมภาษณ์สื่อที่ไหนให้มาเที่ยวเมืองไทยกันเยอะๆ นะค้า…ผมว่า น้องน่าจะยินดีทำให้อยู่แล้วละ
ผมอาจจะผิดก็ได้ที่ชอบทำอะไรเล็กๆ แบบประหยัด และระมัด ระวังรอบคอบทุกฝีก้าว และในทุกเรื่องในยุคนิวนอร์มอลหลัง “สงครามโรค” โควิด-19 ครั้งนี้…ฝากบิ๊กตู่เป็นข้อคิดไว้ด้วยก็แล้วกันครับ.
“ซูม”