คะแนน “โหวต” อาจไม่สวย แต่คะแนนอดทนบิ๊กตู่ “A+”

ในที่สุดการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลของพรรคฝ่ายค้านก็จบลงด้วยชัยชนะที่ยังเป็นของรัฐมนตรีทุกๆคน รวมทั้งนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วย

สำหรับนายกรัฐมนตรีนั้นได้คะแนน “ไม่ไว้วางใจ” สูงสุด ถึง 208 เสียง มากกว่าทุกๆ คน ที่โดนอภิปรายในครั้งนี้

ครั้นเมื่อมองในแง่ “ไว้วางใจ” ก็ปรากฏว่าได้คะแนน 264 เสียง อยู่ในตำแหน่ง “รองบ๊วย” เอาชนะ “บ๊วย” หรือท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สุชาติ ชมกลิ่น ไปเพียงแต้มเดียวเท่านั้นเอง

ทำให้นักวิเคราะห์การเมืองบางสำนักมองว่าชัยชนะของบิ๊กตู่ครั้งนี้เป็นชัยชนะแบบ “คาใจ” เหมือนไม่ค่อยสะเด็ดน้ำยังไงก็ไม่รู้

ระหว่างเดินทางจากห้องประชุมสภาเพื่อไปขึ้นรถ…นักข่าวถามท่านว่ารู้สึกน้อยใจหรือไม่กับคะแนนเสียงที่ไม่เป็นตามเป้าในการโหวตครั้งนี้?

บิ๊กตู่ตอบว่า “ผมไม่ใช่คนใจน้อยกติกาเขาว่าอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น ผมไม่สนใจว่าคะแนนจะมากจะน้อย––มันผ่านไหมล่ะ? ถ้าผ่านก็จบ” พร้อมกับชูกำปั้นขึ้นแล้วกล่าวต่อว่า “ผมใจเท่านี้”

ขณะเข้าไปนั่งในรถแล้วก็ยังชูกำปั้นขวาพร้อมกับทุบไปที่อกข้างซ้าย 2 ครั้ง และกล่าวอีกครั้งว่า “กำปั้นผมใหญ่อยู่แล้ว ฉะนั้นหัวใจจึงใหญ่และมีกำลังใจดี”

อ่านรายงานข่าวประเภทเบื้องหลังการชกมวยคู่เอกหรือการเตะฟุตบอลคู่สำคัญที่ฝ่ายข่าวกีฬาเขามักจะเรียกว่า “ปาดเหงื่อ” บ้าง “ถอดนวม” บ้าง–ของบิ๊กตู่แบบนี้แล้ว สำหรับผมเองขอแสดงความชื่นชมในถ้อยคำการให้สัมภาษณ์ของท่านเป็นอย่างยิ่ง

เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเป็น “นักประชาธิปไตย” ในตัวท่าน ซึ่งเป็นทหาร…มากกว่านักการเมืองหลายๆ ท่าน ที่เป็นพลเรือนเสียอีกด้วยซ้ำ

เพราะไม่เพียงแค่คะแนนเท่านั้นที่ออกมาน้อยกว่าคนอื่น…แต่ในการอภิปรายก็ดูเหมือนว่าท่านจะถูกสับเละอยู่คนเดียว ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง ดุเดือดเลือดพล่าน อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในการอภิปรายไม่ไว้วางใจใดๆ เท่าที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย

ผมอุตส่าห์เอาใจช่วยท่านผู้นำฝ่ายค้าน คุณ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เพื่อนซี้เก่าของผมด้วยความหวังว่าฝ่ายค้านชุดนี้จะน็อกรัฐบาลได้อย่างงดงามด้วยหลักฐานหรือใบเสร็จต่างๆ ที่จะแจ้ง

เพื่อเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้แก่พรรคฝ่ายค้านและการอภิปรายยุคใหม่ของสภาผู้แทนราษฎร

ก็กลับปรากฏว่านอกจากไม่มีอะไรใหม่และไม่มีการสร้างการวางบรรทัดฐานอันสร้างสรรค์ใดๆ เลยแล้ว ยังกลายเป็นวางบรรทัดฐานในเรื่องการนำเอกสารที่ไม่จริง หรือเอาคลิปเหตุการณ์คนละยุคคนละสมัยมาใช้ในการอภิปรายจนถูกจับ “โป๊ะ” ได้กลางสภา

การที่บิ๊กตู่ทนคำกล่าวหาเหล่านี้ได้ รวมทั้งอดรนทนฟังถ้อยคำที่โหดเหี้ยมได้…จนทำท่าจะหลุดอยู่หลายครั้ง แต่ก็คุมได้ในที่สุด

ผมก็เห็นว่าท่านมีความอดทนอดกลั้นมีความเป็นนักประชาธิปไตยมากกว่านักการเมืองพลเรือนบางคนเสียด้วยซ้ำ

การถูกด่าทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ คือหาเรื่องด่าตามจังหวะและโอกาสที่เปิดให้ของฝ่ายค้าน เมื่อรวมกับคะแนนเสียงที่ออกมาน้อยกว่าคาด เพราะมีความผิดปกติในพรรคสนับสนุนรัฐบาลด้วยกันเอง…ควรจะเป็นเหตุแห่งความน้อยใจอย่างยิ่งของท่าน

แต่ท่านกลับบอกไม่น้อยใจ พร้อมจะสู้ต่อ เพราะกำปั้นใหญ่และหัวใจใหญ่ ผมจึงเห็นว่าท่าน “สอบผ่าน” เพราะไม่ค่อยเห็นนายทหารคนไหนอดทนต่อการถูกด่ามากเท่านี้มาก่อนในระบบการเมืองไทย

อย่างไรก็ดี การ “ทดสอบ” ความเป็นนักประชาธิปไตยของท่าน ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะ “เคราะห์กรรม” ของประเทศไทย ยังไม่สิ้นสุด ยังมีปัญหาหนักหนาสาหัสรออยู่เป็นอันมาก

ปัญหาโควิด-19 ก็ยังจะต้องแก้ไขต่อไป ปัญหาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิดซึ่งหนักมากยังจะต้องแก้หรือฟื้นฟูต่อไป รวมถึงปัญหาเรื่องการประท้วงนอกสภา ซึ่งรุนแรงขึ้นทุกขณะทั้งในด้านการเมืองทั่วไปและกลุ่มปฏิรูปสถาบัน ฯลฯ

จริงๆ แล้วควรจะต้องมี “ซุปเปอร์แมน” ที่ไหนสักคนมาช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยซ้ำ จึงจะเป็นผลสำเร็จ

แต่เมื่อยังมองไม่เห็นยอดมนุษย์ที่ว่า และ ณ นาทีนี้ก็ยังเป็นบิ๊กตู่ อยู่ผมก็คงต้องให้กำลังใจท่านไปพลางๆ

ขอให้หัวใจของท่านจงใหญ่เท่ากำปั้นต่อไปและสู้ต่อไปอย่าฝ่อลงเหมือนอวัยวะบางส่วนของร่างกายที่มักจะฝ่อหรือเหี่ยวลงเมื่ออายุมากขึ้นก็แล้วกันครับ.

“ซูม”

ข่าว, อภิปราย, ไม่ไว้วางใจ, รัฐบาล, ฝ่ายค้าน, โควิด 19, พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา, ซูมซอกแซก