วันนี้ (อาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม 2564) ตามเวลาบ้านเรา ซึ่งเป็นวันเสาร์ที่อเมริกานั้นเป็นวันเปิดฤดูกาลใหม่ 2021 ของการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลประเภทมหาวิทยาลัยมีการลงสนามพบกันหลายคู่ทั่วประเทศ
นี่คือกีฬาแห่งตำนาน แห่งประวัติศาสตร์ และเป็นหนึ่งในกีฬา “รากเหง้า” ที่ประเทศมหาอำนาจทั้งในด้านการเมือง การทหารและการเศรษฐกิจหมายเลข 1 ของโลกที่เรียกกันว่า U.S.A. หรือสหรัฐอเมริกา คิดค้นขึ้นมาเอง และยังคงรักษามันไว้ด้วยความภาคภูมิใจ
แม้ว่ากีฬา อเมริกันฟุตบอลอาชีพ จะเป็นกีฬาที่มีคนดูมากที่สุดในสหรัฐฯ ทั้งดูจริงในสนามและดูการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์…โดยเฉพาะศึก “ซุปเปอร์โบวล์” นัดชิงแชมป์ส่งท้าย
แต่รากฐานของกีฬาท็อปฮิตที่ว่านี้และเป็นวัฒนธรรมประเพณีที่พวกเขาถ่ายทอดกันมาจากรุ่นต่อรุ่น จนมาถึงบัดนี้กว่า 150 ปี คือประมาณ 152 ปีแล้ว กลับอยู่ที่การแข่งขันใน ระดับมหาวิทยาลัย ที่เรียกว่า College Football นั่นเอง
ในจารึกที่เกี่ยวกับความเป็นมาของอเมริกันฟุตบอลระบุว่าเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ปี 1869 หรือเมื่อ 152 ปีดังกล่าว มหาวิทยาลัยดัง 2 แห่งของสหรัฐฯ ได้แก่ นิวเจอร์ซีย์ คอลเลจ ซึ่งต่อมากลายเป็น มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน (Princeton) กับ มหาวิทยาลัยรัทเกอร์ (Rutgers) ได้จัดทีมฟุตบอลมาแข่งขันกัน โดยเริ่มจากลูกฟุตบอลกลมๆ แบบซอคเกอร์ที่อังกฤษเป็นต้นตำรับนี่แหละครับ
แต่ทั้ง 2 มหาวิทยาลัยใช้ผู้เล่นถึงข้างละ 25 คน เพื่อช่วยกันเตะฟุตบอลไปเข้าประตูคู่ต่อสู้ และคิดค้นกติกาอะไรบางอย่างที่แตกต่างไปจากการเล่นที่อังกฤษเมืองแม่ของตน
ในปีต่อๆ มาก็นัดมาเตะกันอีกโดยเปลี่ยนมาใช้ลูกแบบรักบี้บ้าง แต่จำนวนคนก็ยังข้างละ 25 เหมือนเดิม ไม่เหมือนต้นตำรับไม่ว่าจะเป็นซอคเกอร์หรือรักบี้ก็ตาม
จากนั้นไม่นานก็มีการขยายวงไปอีกหลายมหาวิทยาลัยและก็ค่อยค้นคิดกติกาเพิ่มไปเรื่อยๆ จากเกม ซึ่งทันมาใช้ลูกรักบี้เป็นหลัก ในช่วงหลังๆ จนกระทั่งปี 1879 ผ่านมา 10 ปี พอดิบพอดี ผู้เล่น และกัปตันของทีม มหาวิทยาลัยเยล คนหนึ่ง
ที่ชื่อ วอลเตอร์ แคมป์ ก็เข้ามามีบทบาทในการกำหนดกติกาโน่นนี่ที่เป็นต้นตอของอเมริกันฟุตบอลในปัจจุบัน
วอลเตอร์ แคมป์ แห่งมหาวิทยาลัยเยลจึงได้รับการยกย่องและขนานนามว่า “บิดาแห่งอเมริกันฟุตบอล” มานับแต่นั้น
ในขณะที่การเล่นก็แพร่หลายออกไปอย่างกว้างขวางกลายเป็นกีฬายอดนิยมของคนเรียนมหาวิทยาลัยและมีหลักฐานว่า ประมาณปี 1900 ต้นๆ นั้น มีมหาวิทยาลัยต่างๆ ตั้งทีม และจัดการแข่งขันกีฬาอเมริกันฟุตบอลที่ว่านี้ ถึงกว่า 60 ทีมทั่วประเทศ
โดยเรียกว่า “ฟุตบอล” หรือ Football นี่แหละไม่มีคำว่า “อเมริกัน” อยู่ข้างหน้าหรอก…เพิ่งจะมาหลังๆ เมื่อกีฬาประเภทนี้เริ่มฮิตไปทั่วโลก…สำนักข่าวต่างประเทศจึงต้องกำหนดชื่อเรียกว่า American Football เพื่อให้ต่างกับคำว่า Football ที่ทั่วโลกรู้จักและฮิตจนถึงขั้นมีการแข่งขันในระดับโลกอันได้แก่ “ฟุตบอลโลก” ดังที่เราทราบกันอยู่แล้ว
ความนิยมของอเมริกันฟุตบอลประเภทมหาวิทยาลัยยังคงพุ่งพรวดต่อมาอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะในช่วงปี 1900 ต้นๆ ที่เริ่มมีการแข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ โดยมีการจับกลุ่มแข่งขันกันอย่างแพร่หลายดังกล่าว
มีการจับกลุ่ม กลุ่มละ 8 ทีมบ้าง 10 ทีมบ้าง 12 ทีมบ้าง แข่งกันอยู่ในกลุ่มเพื่อจะหาแชมป์กลุ่ม และในแต่ละสัปดาห์ เมื่อการแข่งขันผ่านไปแล้ว เขาก็จะมีการประกาศอันดับ ตั้งแต่ 1 ไปจนถึง 25 โดยให้สำนักข่าว เอพี และ ยูพีไอ เป็นผู้จัดอันดับ
แรกๆ มีกลุ่มดังๆเ พียงไม่กี่กลุ่มแต่ปัจจุบันมีถึง 11 กลุ่ม หรือ 11 Conferences ทั่วประเทศ เฉพาะในดิวิชัน 1 หรือดิวิชันสูงสุดมีทีมเข้าร่วมถึง 130 มหาวิทยาลัย
ต่อมาเริ่มมีการแข่งขันหลังฤดูกาล โดยจะเชิญทีมแชมป์กลุ่ม หรือทีมอันดับดีของแต่ละกลุ่มไปเจอกันในการแข่งขันที่เรียกว่า “โบวล์” ต่างๆ แรกๆ ก็มีแค่โบวล์เดียว คือ “โรส โบวล์” ที่โด่งดังมาก เริ่มแข่งครั้งแรกปี 1923
พอถึงปี 1950 มีการเพิ่มโบวล์อื่นๆ ขึ้นอีกเป็น 5 โบวล์ และปัจจุบันมีถึง 35 โบวล์เข้าไปแล้ว จำชื่อได้ไม่ถึงครึ่ง
ล่าสุด เขายังเพิ่มการ “เพลย์ออฟ” หลังฤดูกาลขึ้นมาอีก โดยจับทีมอันดับ 1-4 มาเจอกัน แบบน็อกเอาต์ เพื่อหา 2 ทีมสุดท้ายไปชิงแชมป์ประเทศ ที่เรียกว่า “โบวล์แชมเปียนชิป”
ทุกวันนี้คนอเมริกันยังคงติดตามดูการแข่งขัน ประเภทมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ และนิสิต นักศึกษาก็ถือเป็นกิจกรรมในระหว่างเรียนมหาวิทยาลัยว่าเขาจะต้องไปดูไปเชียร์ทีมของเขา รวมทั้งจะมีการนัดหมาย “คู่เดต” ไปดูฟุตบอลกันด้วย
ใครไม่ดูไม่เชียร์ และไม่พูดถึงทีมอเมริกันฟุตบอลของมหา’ลัยตัวเองจะกลายเป็นคนตกรุ่น และพูดกับคนอื่นๆ ไม่รู้เรื่องเลยทีเดียว
ทำให้การแข่งขันประเภทมหา’ลัยยังได้รับความนิยมมาจนถึงบัดนี้ และผู้เล่นดังๆ ก็จะได้รับการคัดเลือกลงมาเล่นในลีกอาชีพหรือ NFL ต่อในภายหลัง…โดยเฉพาะดาราดังๆ ค่าตัวแพงสุดๆ ขณะนี้ล้วนมาจากมหาวิทยาลัยทั้งสิ้น
การแข่งขันฤดูกาลนี้จะเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนจบฤดูกาลประมาณต้นๆ เดือนธันวาคม จากนั้นก็จะรอว่าทีมใดจะได้รับเชิญไปแข่งใน “โบวล์” ต่างๆ ซึ่งมีถึง 35 โบวล์ ดังได้กล่าวไว้แล้ว
ส่วนนัดสุดท้ายซึ่งเป็นนัดชิงแชมป์ หรือ “เนชันแนลแชมเปียนชิป”…ปีนี้กำหนดไว้วันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2565
5 ทีมเต็งที่คาดว่าจะได้แชมป์ปีนี้ก็คือ มหาวิทยาลัยอลาบามา (เจ้าเก่า) มหาวิทยาลัยโอคลาโฮมา (นี่ก็ค่อนข้างเก่า) มหาวิทยาลัยเคลมสัน, มหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตต และ มหาวิทยาลัยจอร์เจีย
บ้านเราคงไม่มีการถ่ายทอดสด แต่ยุคนี้ เป็นยุคสื่อสารทันสมัย สามารถติดตามได้จาก “ช่องทางธรรมชาติ” (แปลว่าช่องทางเถื่อน ประเภทลักลอบดูฟรีนั่นแหละ) ท่านที่สนใจก็ลองค้นหาวิธีเอาเองก็แล้วกัน.
“ซูม”