ขณะที่ผมนั่งเขียนต้นฉบับวันนี้…ยอดติดเชื้อใหม่ประจำวันผ่านหลักหมื่นเป็นวันที่ 2 แล้วครับ โดยขึ้นไปถึง 11,397 ราย และมีผู้เสียชีวิตเกินหลักร้อยเป็นวันที่ 2 เช่นกัน คือ 101 ราย
พร้อมๆ กันนั้นสื่อทุกแขนง โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์ก็ยังรายงานถึงการเข้าคิวตรวจเข้าคิวรักษายังรอเตียงอยู่บ้างรอให้รถมารับอยู่ที่โน่นที่นี่บ้าง ล้วนเป็นเครื่องชี้หรือแนวโน้มในทางลบทั้งสิ้น
ผมอ่านข่าวและเห็นตัวเลขแล้วก็เกิดภาวะ “จิตตก” ขึ้นมาทันที
โชคดีว่าผมเป็นคนอ่านหนังสือพิมพ์แบบละเอียด… (เพราะมีเวลามาก) ก็เลยไปอ่านเจอบทสัมภาษณ์คุณหมอท่านหนึ่ง ในหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ฉบับเมื่อวาน (วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม) นี่แหละครับ
ท่านพูดถึงเรื่อง “จิตตก” และวิธีแก้เอาไว้ดีมาก ผมก็เลยจดเอาไว้และตั้งใจจะนำไปปฏิบัติตาม
ท่านอธิบดีกรมสุขภาพจิต พญ.พรรณพิมล วิปุลากร นั่นเองครับ ท่านให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวไทยรัฐเอาไว้ทั้งในหน้าสตรี (หน้า 16) และหน้าการเมือง (หน้า 3) ในวันเดียวกัน
ในส่วนของหน้าสตรีเป็นการสัมภาษณ์ผู้มีชื่อเสียงในสังคมไทยหลายท่านในประเด็น “สร้างวัคซีนทางใจรับมือวิกฤติ…เราต้องรอดจากโควิด” โดยมีความเห็นของท่านอธิบดีมาตบท้ายสั้นๆดังนี้
“อย่างแรกเราต้องดูแลความปลอดภัยให้ตัวเองได้ในระดับหนึ่งก่อน …เราต้องให้กำลังใจตัวเองไปพร้อมกับความเข้าใจว่าสถานการณ์มันมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นตลอดเวลา”
“ถ้าเกิดจิตตกขอให้เป็นแค่ชั่วคราว เพราะเรายังมีเรื่องที่จะต้องจัดการ…ยังมีภารกิจที่เราจะดูแลแล้วเดินหน้าต่อไป…รับรู้แล้วเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ทำให้จิตของเราจมอยู่กับด้านลบมากๆ”
“เหมือนคนแข่งวิ่งมาราธอนระยะยาว เราต้องรู้จุดจะหยุดแล้วเติมน้ำ เติมกำลัง…ไม่ฝืนตัวเองมาก แล้วประคองตัวเองไปจนถึงจุดหมาย”
สำหรับการสัมภาษณ์ในหน้าการเมืองนั้น หน้า 3 ไทยรัฐพาดหัวฉบับเมื่อวานว่า “เตือนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่รับมือภาวะจิตตก” พร้อมกับสรุปบทสัมภาษณ์ของท่านอธิบดีไว้อย่างละเอียดเป็นขั้นเป็นตอน อ่านแล้วได้ความรู้ประกอบไปด้วย
จากนั้นก็มาถึงข้อแนะนำเพื่อการปฏิบัติทั่วๆ ไปที่ผมเห็นว่าจะเป็นประโยชน์แก่คนไทยทุกคนที่กำลังตกอยู่ในสายธารอันเชี่ยวกรากของข่าวสารว่าจะทำอย่างไรดีโดยเฉพาะข่าวเกี่ยวกับโควิด-19 และข่าวเศรษฐกิจการเมืองต่างๆ ซึ่งมีมากเหลือเกินในยุคนี้
ท่านแนะนำว่า “ไม่ควรติดตามข่าวสารเกิน 3 ชั่วโมงต่อวันและแต่ละช่วงเวลาไม่ควรนานเกินกว่า 1 ชั่วโมง เพื่อช่วยให้สมองมีเวลากรอง… เลยกว่านั้น มันไม่ได้กรองจะเป็นการไหลเข้าอย่างเดียว สมองก็เหนื่อยล้า”
อ่านทั้ง 2 บทสัมภาษณ์จบแล้วผมก็ต้องขอขอบคุณท่านอธิบดีกรมสุขภาพจิตเป็นอย่างสูง ที่กรุณาแนะนำวิธีฉีด วัคซีนทางใจ ไว้สู้ศึก โควิด-19 ในครั้งนี้
ไม่ต้องพึ่งซิโนแวค ไม่ต้องพึ่งแอสตราเซเนกา และไม่จำเป็นต้องเรียกหาไฟเซอร์…เบื้องต้นขอแค่อย่าเสพข่าวเกิน 3 ชั่วโมง ต่อวันและครั้งละไม่เกินชั่วโมงเพื่อจะได้มีเวลาคิดกรองตามที่คุณหมอแนะนำเอาไว้ก่อนก็พอจะเอาตัวรอดไปได้แล้ว
ยุคนี้มีทั้งข่าวจริงข่าวเท็จมั่วไปหมด ต้องฝึกให้สมองเรารู้จักกรองใช้เหตุใช้ผลในการวิเคราะห์ ไม่ใช่จะเชื่อหรือคล้อยตามไปทุกเรื่อง
และถ้าจะให้ดี (ผมเสนอเพิ่มเติม) หันไปเข้ายูทูบเปิดเพลงฟังวันละ 3 ชั่วโมงสลับฉากด้วยดีกว่า จะฟังเพลงลูกกรุง เพลงสากลหรือ เพลงคลาสิก ฯลฯ ก็ว่ากันไปตามรสนิยม
ใครไม่ชอบเรื่องบันเทิงจะหันเข้าหาเรื่องธรรมะก็คลิกเข้าหมวด “ธรรมะสอนใจ” เปิดฟังเทศน์ฟังธรรมจากพระอาจารย์ดังๆ ซึ่งมีอยู่มากมายในยูทูบเช่นกัน
หรือจะฟังทั้งบันเทิงหรือธรรมมะก็ได้ถือเป็นการบูสเตอร์แบบฉีดไขว้ 2 ยี่ห้อ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้น
เพียงแต่อย่าเผลอไปเปิดฟังพระหนุ่มๆ 2-3 รูป ที่ชอบเทศน์เรื่องการเมืองก็แล้วกัน ประเดี๋ยววัคซีนใจที่เราอุตส่าห์ฉีดกันแทบตาย จะเสื่อมประสิทธิภาพทำให้กลับมาจิตตกเสียอีกเท่านั้น
“ซูม”