เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกแล้วละว่า เชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ที่น่ากลัวและกำลังอาละวาดไปเกือบทั่วโลกขณะนี้ก็คือสายพันธุ์ “เดลตา” หรือสายพันธุ์อินเดียนั่นเอง
โดยเฉพาะบ้านเรา สายพันธุ์นี้มาแรงมาก ทำให้ยอดติดเชื้อใหม่ของเราอยู่ที่วันละ 5,000-6,000 ราย มาโดยตลอดในช่วงนี้ ส่งผลให้ระบบสาธารณสุขของเราต้องเผชิญกับสถานการณ์ล่อแหลม ที่เริ่มมีการพูดกันด้วยความห่วงใยว่าอาจล่มสลายในเร็ววันนี้
ผมเขียนให้กำลังใจนักรบชุดขาวอยู่หลายวัน…หลบไปเขียนเรื่องอื่นเพื่อให้หายเครียดลงบ้าง ก็อดมิได้ที่จะต้องกลับมาเขียนถึงอีกครั้ง
สืบเนื่องมาจากข่าวใหญ่ที่ว่า กระทรวงสาธารณสุขท่านเตรียมตัวรับมือกับสายพันธุ์เดลตาอย่างเต็มที่ มีทั้งการเพิ่มจำนวนเตียงของโรงพยาบาลบุษราคัม และการไปดูแลสถานที่จัดสร้างโรงพยาบาลสนามแห่งใหม่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งจะรองรับผู้ป่วยได้อีกหลายพันคน
ขณะเดียวกันก็มีข่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีล่าสุดให้เร่งระดมซื้อวัคซีนเพิ่มเติมอีกลอตใหญ่ โดยเฉพาะยี่ห้อดังอย่างไฟเซอร์ของสหรัฐฯก็ให้ซื้อมาด้วยถึง 20 ล้านโดส ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้
ก็ดีใจครับที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเตรียมตัวสู้ปัญหาโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ทั้งในเรื่องการดูแลแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและเรื่องการเตรียมซื้อวัคซีนเพิ่มเติมล่วงหน้า ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น
แต่ในความดีใจนั้นก็อดเป็นห่วงเป็นใยเสียมิได้ใน 2 เรื่อง 2 ประเด็นด้วยกัน
ประเด็นแรก เรื่องเตรียมโรงพยาบาลสนามหรือขยายเตียงรับต่างๆ ไม่แน่ใจว่าเราจะมีบุคลากรทางการแพทย์เพียงพอหรือไม่?
หวังว่าจะมีเพียงพอหรือจัดสรรระดมกำลังจากทั่วประเทศมาช่วยเหลือได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องนะครับ
ประเด็นที่ 2 เรื่องของวัคซีนนั้นก็น่าเป็นห่วงเช่นกัน เพราะกว่าวัคซีนที่อนุมัติให้ซื้อตามข่าวเมื่อวานนี้จะมาถึงบ้านเราก็ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เป็นอย่างเก่ง โดยเฉพาะยี่ห้อดังๆ ที่ผู้คนพูดถึงกันมาก
สำหรับที่จะมาให้เราฉีดได้ในช่วงนี้เท่าที่จับจองไว้แล้วก็ดูกะปริด-กะปรอยอย่างไรก็ไม่รู้ แม้แต่ยี่ห้อที่มีโรงงานผลิตอยู่ในบ้านเราเอง…ก็มีรายงานข่าวว่า เขาก็ต้องแบ่งไปขายที่อื่นด้วย
และก็อย่างที่เราทราบดีอยู่แล้วว่ายุคนี้ยังมีปัญหาความคิดที่แตกแยกไม่ลงรอยกันในบ้านเรา แบ่งออกเป็น 2 ฝัก 2 ฝ่าย ทะเลาะกันในทุกเรื่อง รวมทั้งเรื่องวัคซีน
มีการถกเถียงกันว่ายี่ห้อนั้นเกรดเอ ยี่ห้อนี้เกรดซี กล่าวหากันไปกันมา จนทำให้คนไทยจำนวนมากชักลังเลว่าจะฉีดดีไหม สำหรับยี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้บางยี่ห้อ
ทั้งๆ ที่โดยข้อเท็จจริงไม่มีวัคซีนไหนจะเรียกได้ว่าดีที่สุดหรือแย่ที่สุด เพราะต่างก็มีจุดอ่อนจุดแข็งพอกัน
เมื่อสถานการณ์เรื่องวัคซีนของเราเป็นอย่างนี้ ผมก็อดกังวลใจไม่ได้ว่าในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานกลางเดือนนี้ ไปจนถึงเดือนหน้าที่ห่วงกันว่าสายพันธุ์เดลตาจะแพร่อย่างหนักในบ้านเรานั้นจะเอายังไงดี?
โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเลย จะฝ่าฟันวิกฤติในช่วงนี้ไปด้วยวิธีใด
ผมก็ขอเสนอว่า ทางเลือกแรกก็คือการป้องกันตัวเองอย่างเข้มงวดที่สุด ถึงขั้นล็อกดาวน์ตัวเองอย่างที่คุณหมอบางท่านเสนอไว้ว่า ไม่จำเป็นอย่าออกไปไหนเลยในช่วง 5 วัน 10 วันข้างหน้านี้ ซึ่งจะเป็นช่วงพีก
ส่วนท่านที่ได้คิวจะฉีดวัคซีน ก็ขอให้ไปฉีดตามนัด…ได้ยี่ห้อไหนก็ฉีดยี่ห้อนั้น
ประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อทั่วไปจะสูงจะต่ำอย่างไรก็ฉีดไว้ก่อน เพราะที่รายงานวิจัยจากทั่วโลกเขาเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์แล้ว ก็คือประสิทธิภาพในการป้องกัน “การป่วยหนัก” และ “การตาย” ทุกยี่ห้อสูงเกินร้อยละ 90 แทบทั้งสิ้น
ช่วงนี้เราต้องสู้กับ “เดลตา” ฉีดอะไรได้ก็ฉีดเถอะครับ…ให้ครบ 2 เข็มเอาไว้ก่อน อีกไม่นานวัคซีนคงหาง่าย และมีเข้ามาให้เราฉีดเยอะขึ้น จะฉีดแบบบูสเตอร์เข็ม 3 อย่างไรค่อยว่ากันอีกที.
“ซูม”