อย่างที่ผมเขียนคาดการณ์ล่วงหน้าไว้ตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่แล้วว่าสัปดาห์นี้บรรยากาศการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 บ้านเราคงจะไม่คึกคักหรือเต็มไปด้วยสีสันระคนความสุข แม้จะเจ็บแขน เจ็บไข้หลังฉีดวัคซีนดังเช่นสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นสัปดาห์คิกออฟ
เราจะเห็นสื่อต่างๆ ลงภาพประชาชนไปฉีดวัคซีนพร้อมกับชู 2 นิ้วแน่นเอี้ยดไปหมดตามโรงพยาบาลหรือสถานที่ฉีดวัคซีนตามห้างต่างๆ
ในโซเชียลเองก็มีการเผยภาพการฉีดวัคซีนพร้อมคำบรรยายอย่างมีความสุขระคนตื่นเต้นของผู้โพสต์ ข้อความพร้อมภาพตัวเองกำลังถูกจิ้มแขนเป็นร้อยๆ พันๆ รูป ถือเป็นปรากฏการณ์ที่สำคัญปรากฏการณ์หนึ่งของสังคมไทยเรา
แต่ก็อย่างว่าแหละครับความสุขมักมาเร็วไปเร็ว…พอมาถึงวันเสาร์เริ่มมีข่าวว่าโรงพยาบาลโน้นโรงพยาบาลนี้เลื่อนฉีดไม่มีกำหนด…ที่นัดไว้ในสัปดาห์ที่ 2 ขอเลื่อนไปก่อน…ฉีดเมื่อไรจะรีบแจ้งด่วนทันที
ท่านที่ถึงคิวและได้เห็นคนไทยอื่นๆ ดีอกดีใจในสัปดาห์แรกเมื่อถูกเทคิวเจอโรคเลื่อนกลางอากาศเข้าเช่นนี้ ก็อดที่จะหงุดหงิดเสียมิได้
เมื่อหงุดหงิดแล้วก็คงโทรศัพท์ไปตัดพ้อต่อว่าโรงพยาบาลต่างๆ ที่ท่านจองคิวไว้เป็นผลให้บางโรงพยาบาลทนไม่ไหวต้องออกมาลงข้อความเผยแพร่ว่าให้ไปถามเหตุผลกับทางกระทรวงสาธารณสุขเอาเอง
เป็นไปตามที่ผมคาดหมายไว้ว่าคงจะมีเสียงบ่นเกิดขึ้นมากในสัปดาห์ 2 ซึ่งจะไม่มีการฉีดวัคซีนตามนัด สำหรับผู้ลงทะเบียนกลุ่มหนึ่ง
ผมจำได้ว่าผมยังเขียนเชิญชวนให้บ่นเสียด้วยซ้ำ เพราะการบ่นเป็นการระบายอารมณ์อย่างหนึ่งระบายออกมาเสียได้ก็จะสบายใจขึ้น
แต่เมื่อบ่นแล้วก็ขอให้เข้าใจในสถานการณ์ด้วยว่าความต้องการวัคซีนช่วงนี้สูง อาจผลิตทัน ผลิตไม่ทัน หรือส่งช้าไปบ้างก็ต้องทำใจเอาไว้ เพราะเมื่อผู้ผลิตเขายืนยันว่ายังไงๆ ก็ต้องเป็นไปตามสัญญา ประเดี๋ยวเขาก็ต้องส่งมาและท่านที่รอคอยก็จะได้ฉีดในที่สุด
ผมตกไปหนึ่งประเด็น…มานึกได้ หลังจากส่งต้นฉบับไปแล้วก็คือลืมกราบเรียนท่านที่ถูกเทไปว่า…หลังจากบ่นแล้วหรือจะด่าด้วยก็ได้ (แต่อย่าหยาบนัก และอย่าลงโซเชียล เดี๋ยวจะโดนฟ้องต้องเสียเงินโดยใช่เหตุ) ขออย่าได้โกรธจัดจนถึงขั้น “ตัดสัมพันธ์” กับทางราชการก็แล้วกัน ยังไงๆ ก็กลับมาฉีดนะครับ เมื่อได้รับการนัดหมายครั้งใหม่
ส่วนทางด้านฝ่ายรัฐหรือฝ่ายฉีดนั้นก็ขอให้เลิกโทษกันไปโทษกันมาเสียที…หันหน้ามาคุยกันปรึกษากันว่าเราพลาดอะไรผิดอะไรเมื่อครั้งที่แล้ว…พร้อมกับหาทางแก้ไขเสีย
ประชาชนทุกหมู่เหล่าท่านกล่าวตรงกันว่ามีอะไรก็ขอให้พูดตรงๆ บอกตรงๆ…ประชาชนพร้อมรับฟังและพร้อมที่จะเข้าใจ…
เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ไปมีอะไรก็บอกกับประชาชนตรงๆ อย่าอมพะนำไว้ หรืออย่ากั๊กไว้ในทำนองโยนความผิดให้คนอื่น…เอางั้นนะครับ
มีอยู่โพสต์หนึ่งที่ผมอ่านแล้วชอบมาก ได้แก่ โพสต์ของเพจ Sarikahappymen ซึ่งข่าวว่าเป็นศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง
ท่านโพสต์ได้อย่างสมกับชื่อเพจของท่านเลยครับ คือ โพสต์อย่าง Happymen มองโลกในแง่ดี ใช้สำนวนสนุกสนานตั้งแต่ต้นจนจบ
ท่านอธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้รัฐบาลถูกด่าได้อย่างดียิ่งและผมก็คิดว่าน่าจะใช่อย่างที่ท่านบอกน่ะแหละ ขออนุญาตไม่นำมากล่าวซ้ำ
จะขอยกมาเฉพาะช่วงสรุปที่ท่านบอกว่าเดือนนี้ (มิ.ย.) ทั้งเดือนตั้งเป้าฉีด 6 ล้านโดส แค่ 5 วัน เราฉีดไป 2 ล้านแล้ว ยังเหลืออีก 2 อาทิตย์กว่า ยังไงๆ ก็ได้ฉีดกันทั่วหน้า
“คิดเสียว่าฉีดเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นครับ คนที่ได้ก่อน (ฉีดก่อน) ก็คนไทย…เขาปลอดภัยเราก็ปลอดภัย…วัคซีนสั่งมามันก็ต้องเอามาฉีด เพียงแต่ใครได้ก่อนได้หลังเท่านั้น (คิดอย่างนี้) จะได้สบายใจ”
“ระหว่างนี้ถ้ายังไม่ถึงคิวก็ตั้งการ์ดสูงๆ กันไว้แล้วไปดูเสาไฟแก้เครียดกันดีกว่าครับ นอนหัวค่ำแล้วตื่นมาลงทะเบียนคนละครึ่งพรุ่งนี้เช้า…แล้วเราจะผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกันครับ”
ผมเห็นด้วย 1,000 เปอร์เซ็นต์ครับคุณหมอครับ นอกจากดูเสาไฟและลงทะเบียนคนละครึ่งแล้ว…ผมเสนอเพิ่มให้ดูบอลยูโรกับบอลโคปาอเมริกาควบคู่ไปด้วย จะได้ไม่เครียดมาก
และที่สำคัญที่สุดต่อให้โกรธแค่ไหน ด่าเอาไว้แรงแค่ไหน (บิ๊กตู่, รองอนุทิน, ผู้ว่าฯ อัศวิน ฯลฯ) ลืมเสียนะครับ…พอได้กำหนดฉีดมาใหม่…ห้ามงอนนะครับ…รีบไปฉีดทันทีเลย.
“ซูม”