ไต้หวันเป็นเขตปกครองอิสระที่ได้รับคำยกย่องชมเชยจากองค์การอนามัยโลกและสื่อมวลชนทั่วโลกว่าประสบความสำเร็จอย่างสูงยิ่งในการบริหารจัดการกับโควิด-19 ในการระบาดช่วงแรกๆ
จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นน้อยมาก และผู้เสียชีวิตก็น้อยมากเช่นกัน
…ทำให้เมื่อ 1 มกราคม ปี 2564 ที่ผ่านมา ไต้หวันมียอดผู้ติดเชื้อ สะสมแค่ 802 รายเท่านั้น
ผลงานอันยอดเยี่ยมของไต้หวัน ส่งผลให้ประธานาธิบดี “ไช่ อิงเหวิน” ได้รับการยกย่องให้เป็น “หญิงเหล็ก” ที่นำเกาะเล็กๆ ของเธอ เกาะนี้ให้เป็น 1 ในตัวอย่างของประเทศ หรือเขตปกครองอิสระ ที่ประสบความสำเร็จอันดับต้นๆ ของโลก
ไต้หวันโมเดลและการทำงานอย่างเอาจริงเอาจังของท่านประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน เป็นที่กล่าวขานไปทั่ว เคียงคู่กับนิวซีแลนด์และประเทศไทยในช่วงเวลาดังกล่าว
อันเป็นช่วงที่การระบาดของ สหรัฐอเมริกา ยังเป็นไปอย่างหนักหน่วง มีผู้ติดเชื้อวันละเฉียดแสน และบางวันก็เกินแสน รวมทั้งผู้เสียชีวิตก็เหมือนใบไม้ร่วงวันละเป็นพันๆ…แผล็บเดียวตัวเลขผู้เสียชีวิตที่สูงสุดของโลกก็ทะลุหลัก 1 แสน 2 แสน จนล่าสุดเกิน 600,000 ไปเรียบร้อย
รวมทั้งในยุโรป สหราชอาณาจักร และอีกหลายๆ ประเทศก็ติดเชื้อ ใหม่กันวันละจำนวนมากๆ และเสียชีวิตดุจใบไม้ร่วงอย่างน่าเป็นห่วง
ประเทศพัฒนาแล้วเหล่านี้ จึงต้องหันมาเร่งรัดการวิจัยการทดลองค้นคว้าเรื่องวัคซีนอย่างเร่งด่วน และในที่สุดก็เสี่ยงนำออกใช้ “ในภาวะ ฉุกเฉิน” ระดมฉีดแก่ประชาชนของตนขนานใหญ่
เป็นการเสี่ยงที่ได้ผลอย่างยิ่ง เพราะวัคซีนทุกยี่ห้อที่นำออกใช้มีผลข้างเคียงน้อยมาก แต่มีผลในการช่วยชีวิตในระหว่างรักษาตัวเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์
วันนี้อัตราผู้ป่วยใหม่และคนเสียชีวิตรายวันของประเทศยักษ์ใหญ่ต่างๆ จึงเริ่มลดลง โดยเฉพาะในสหรัฐฯ เริ่มถอดหน้ากากกันแล้ว
หรือที่ อังกฤษ ก็กำลังเตรียมผ่อนปรนต่อ หลังจากเริ่มผ่อนปรนมาระดับหนึ่งตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา เพราะตัวเลขติดเชื้อใหม่เหลือวันละประมาณ 2 พันราย และผู้เสียชีวิตก็แค่หลัก 10 รายเท่านั้น
นี่คือสถานการณ์ล่าสุดของประเทศผู้แพ้ในยกแรก และพลิกกลับมาสู่ชัยชนะในนาทีปัจจุบัน
ตัดภาพกลับไปที่ “ไต้หวัน” หนึ่งในประเทศผู้ชนะยกแรกๆ กลับกำลังเผชิญปัญหาการระบาดระลอกใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มกว่า 700 คน ที่ถือว่าสูงมากของประเทศนี้ และล่าสุดวันอังคารที่ผ่านมาวันเดียว ติดใหม่ถึง 333 ราย เป็นสถิติ “นิวไฮ” ของไต้หวัน ทำให้ท่านประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน ต้องกลับมาคุมเข้มอีกครั้ง
ที่สำคัญเมื่อตรวจสอบถึงอาวุธสำคัญที่จะใช้ในการสู้รบและป้องกันคนไต้หวันอันได้แก่ “วัคซีน” นั้นก็ถึงกับสะดุ้ง เพราะทั้งไต้หวันมีวัคซีนอยู่แค่ 300,000 โดส เทียบกับประชากรทั้งหมด 23 ล้านคน
ร้อนถึงผู้แทนของไต้หวันในต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐ ฯต้องเข้าเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อขอให้แบ่งปันวัคซีนที่มีอย่างเหลือเฟือ ถึงขั้นฉีดฟรีกันแล้ว และมีข่าวว่าจะแบ่งไปช่วยประเทศที่ขาดแคลนต่างๆ เพื่อขอให้แบ่งไปที่ไต้หวันบ้าง
ก็ทำให้ผมนึกถึงประเทศไทยของเรา ที่ได้ชื่อว่าชนะโควิดยกแรก …ทำให้เราวางแผนเรื่องวัคซีนไปตามสถานการณ์ของผู้ชนะ…คือค่อยๆ ทยอยซื้อ ไม่ได้เร่งรัดในตอนแรกมากนัก
แม้เราจะเสาะแสวงหามาไว้ได้จำนวนหนึ่ง แต่ก็ดูน้อยไป และเมื่อเทียบกับการระบาดครั้งใหม่ที่มาแรงและเร็วจึงถูกมองว่าช้าเกินไป
ผมไม่แน่ใจว่า นักการเมืองไต้หวันจะลุกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงขั้น “สับแหลก” หรือขับไล่ท่านประธานาธิบดีแบบที่รัฐบาลไทยผู้ชนะยกแรก และซื้อวัคซีนช้า กำลังโดนฝ่ายค้านขับไล่หรือไม่
หวังว่าท่านคงไม่โดนอะไรหนักหนานะครับ และก็ขอเอาใจช่วยท่านให้สามารถจัดซื้อจัดหาวัคซีนได้โดยเร็ว เพื่อแก้ปัญหาการระบาดหนักที่กำลังเกิดในขณะนี้ได้อย่างทันท่วงที
เฮ้อ! สงครามยังไม่จบ นับศพทหารไม่ได้เลยจริงๆ…จากผู้ชนะอยู่หลัดๆ กำลังจะกลายเป็นผู้แพ้ซะแล้ว ส่วนผู้แพ้ยับเยินยกแรกกำลังจะกลับมาชนะดังตัวอย่างของสหรัฐฯ และอังกฤษที่โลกกำลังพูดถึง
แต่ก็อย่างว่าแหละครับ อย่าเพิ่งชะล่าใจว่า สงครามจบแล้วก็แล้วกัน รออีกสักพักค่อยนับศพทหารนะครับ ทั้งอังกฤษและสหรัฐอเมริกา.
“ซูม”