ไปฉีด “วัคซีน” กันเถอะ อย่าให้แพ้ “ลำปาง+บุรีรัมย์”

เมื่อ 2 วันก่อนมีข่าวเล็กๆ ข่าวหนึ่งในสื่อออนไลน์หลายสำนักที่ผมอ่านแล้วอดมิได้ที่จะส่งเสียงเฮออกมาดังๆ…พร้อมกับตะโกนคำว่า “บุรีรัมย์สู้ๆ” ราวกับว่าผมเป็นแฟนฟุตบอลของทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทีมดังทีมหนึ่งของฟุตบอลไทยลีก อย่างไรอย่างนั้น

เหตุที่ผมเผลอตัวตะโกนคำว่า “บุรีรัมย์สู้ๆ” ก็เพราะคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ออกมาแถลงตัวเลขว่า ณ วันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ประชาชนชาวบุรีรัมย์ลงทะเบียนเข้ารับการฉีดวัคซีนถึง 355,287 ราย โดยแสดงความจำนงต้องการรับการฉีดวัคซีนเบื้องต้นถึง 214,970 ราย

ก่อนหน้านี้เราคงจะทราบแล้วว่า จังหวัดที่มีประชาชนลงทะเบียนจองวัคซีนมากที่สุดก็คือ กทม.ของเรา จองไว้แล้วที่จำนวน 516,282 ราย และรองแชมป์ก็คือจังหวัดลำปาง จองไว้ 223,976 ราย

ทำให้จังหวัดลำปางโดยเฉพาะท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร หรืออดีต “ผู้ว่าฯ หมูป่า” และท่านสาธารณสุขจังหวัดได้รับคำชื่นชมจากประชาชนทั่วประเทศ และสื่อต่างๆก็ไปสัมภาษณ์ถึงเคล็ดลับในความสำเร็จมาเผยแพร่อย่างกว้างขวาง

ได้รับคำตอบจากท่านณรงค์ศักดิ์ว่า ความสำเร็จของลำปางมาจากการปฏิบัติการเชิงรุกของจังหวัดนั่นเอง…คือส่ง อสม.และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขลงเคาะประตูบ้านทุกบ้าน…อธิบายรายละเอียดถึงผลดีผลเสียของการฉีดวัคซีนจนเป็นที่เชื่อถือและยอมรับการฉีดด้วยความเต็มใจ

ขณะเดียวกันก็เปิดสายด่วนในระดับจังหวัดให้ประชาชนในจังหวัดโทร.เข้ามาแบบง่ายๆ จดชื่อจดเบอร์โทรศัพท์และรายละเอียดบางอย่างไว้

หลังจากนั้นค่อยเอาไปโยงกับระบบ “หมอพร้อม” อีกต่อหนึ่ง

เพราะทางจังหวัดเข้าใจดีว่าพี่น้องประชาชนของท่าน โดยเฉพาะผู้อาวุโสต่างๆ คงไม่สามารถจะใช้โทรศัพท์มือถือลงทะเบียนต่างๆ ด้วยตนเองได้อย่างแน่นอน…จึงได้หาวิธีอำนวยความสะดวกให้หลายๆ วิธีดังกล่าว

สำหรับที่บุรีรัมย์นั้น เท่าที่อ่านจากเอกสารข่าวของจังหวัด ก็ใช้วิธีที่คล้ายคลึงกัน คือใช้ อสม. เป็นนักรบล่วงหน้าไปเคาะประตูเชิญชวนและเปิดระบบลงทะเบียนทางออนไลน์ของจังหวัดขึ้นเอง เรียกว่า QR code BURIRAM IC เป็นแกนหลัก

จากนั้นทางจังหวัดก็จะโอนข้อมูลทั้งหมดเข้าระบบกระทรวงสาธารณสุข เพื่อวางแผนการฉีดวัคซีนของจังหวัดบุรีรัมย์ต่อไป

ก็ต้องขอชื่นชมจังหวัดบุรีรัมย์ด้วยนะครับ เพราะ ณ นาทีนี้น่าจะขึ้นเป็นอันดับ 2 ของประเทศแทนลำปางแล้วละ

โมเดลการใช้ อสม.หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับตำบลลงไปเคาะประตูหรือช่วยกรอกให้เลย พร้อมลงทะเบียนให้เสร็จสรรพหากชาวบ้านยินดีรับฉีดเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

ผมจึงเห็นดีเห็นงามและสนับสนุนให้ทุกๆ จังหวัดทั่วประเทศหันมาใช้โมเดลเดียวกันนับแต่นี้เป็นต้นไป

ระวังไว้อย่างเดียว อย่าไปมัดมือชกหรือไปบังคับเขา เพื่อจะสร้างตัวเลข หรือสร้างสถิติก็แล้วกันครับ ให้ทำแค่อธิบายผลดีผลเสียให้ชาวบ้านเขาตัดสินใจเอง จากนั้น อสม.ทั้งหลายค่อยจัดการช่วยลงทะเบียนให้

จากข่าวคราวที่ว่านี้ทำให้ผมค่อนข้างสบายใจว่า สำหรับการฉีดให้พี่น้องต่างจังหวัดน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายแน่

เป็นห่วงก็แต่ใน กทม.ของเรา ซึ่งไม่มี อสม.ที่ไหนมาเคาะประตูบ้านเราจึงต้องตัดสินใจเอง ตัดสินใจแล้วก็ต้องลงทะเบียนเองทุกอย่าง

สำหรับการตัดสินใจก็ยังวุ่นไม่หยุด ไม่อยากฉีดยี่ห้อนั้น ไม่อยากฉีดยี่ห้อนี้…ยี่ห้อที่ฉันต้องการฉีดแต่รัฐบาลกลับไม่ซื้อมาให้

ที่สำคัญที่ยังกลัวยังไม่อยากฉีดก็ยังมีอีกเยอะ

ทำให้ยอดจองหรือยอดลงทะเบียนใน กทม. แม้จะสูงสุดของประเทศ แต่ถ้าเทียบกับประชากรและกลุ่มเป้าหมายแล้วยังต่ำกว่าอีกมาก

ล่าสุดท่านนายกฯออกมาประกาศเป็น “วาระแห่งชาติ” แล้ว ขอความร่วมมือจากประชาชนให้ไปฉีดกันมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้แก่ประเทศ

สำหรับใครที่ยังไม่เชื่อนายกฯ อาจเพราะยังมีเหตุมีผลอะไรอยู่ในใจก็แล้วแต่เหอะ…ขอให้หันมาเชื่อคุณหมอก็แล้วกัน…เมื่อวานนี้ 3 หมอใหญ่ของ 3 โรงพยาบาลดังระดับประเทศของเรา ทั้งศิริราช, จุฬาฯ และรามาธิบดี ออกมาประสานเสียงขอให้คนไทยรีบไปฉีดทันทีที่โอกาสมาถึง

ผมก็ขอนำมายํ้าอีกทอดหนึ่งว่า…เชื่อคุณหมอเถอะ…รีบไปเข้าชื่อฉีดกันเลย…ได้คิวฉีดวัคซีนอะไรก็ฉีดยี่ห้อนั้นแหละ…เขาพิสูจน์มาทั่วโลกแล้วว่า วัคซีนทุกยี่ห้อมีผลข้างเคียงน้อยมาก และมีผลดีกว่าอย่างมาก…จะเอาชนะโควิด-19 ได้ต้องฉีดวัคซีนเท่านั้นละครับ.

“ซูม”

ข่าว, โควิด 19, บุรีรัมย์, ลำปาง, ฉีด, วัคซีน, ลงทะเบียน, ซูมซอกแซก, กรุงเทพมหานคร