เพื่อนผมที่มีหลานสาวเรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ 1 โรงเรียนราษฎร์ที่มีชื่อเสียงในด้านการสอน 2 ภาษาแห่งหนึ่ง เล่าให้ผมฟังสรุปข้อใหญ่ใจความได้ว่า
เมื่อ 2-3 วันก่อน หลานสาวมาเยี่ยมเพื่อนซึ่งเป็นปู่ที่บ้านแล้วก็บอกว่า อีก 2-3 วัน จะต้องสอบร้องเพลงชาติไทย
ครูให้เนื้อมาท่องเอาไว้แล้ว และเธอก็ซ้อมร้องมาหลายวันแล้ว มั่นใจว่าจะร้องได้และสอบผ่านอย่างแน่นอน
ว่าแล้วหลานสาวก็ร้องเพลงชาติให้เพื่อนฟังหลายจบ มีตะกุกตะกักบ้างเพราะบางถ้อยคำของเพลงชาติเราเป็นคำที่ยาก แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ยังต้องแปลความกันอยู่พอสมควร
เช่นคำว่า “ประชารัฐ” หรือ “ไผทของไทยทุกส่วน” เป็นต้น
แต่ในที่สุดหลานสาวเพื่อนก็ร้องได้จนจบชนิดที่คุณปู่เพื่อนผมเล่าไปยิ้มไปด้วยความภาคภูมิใจ
นอกจากหลานสาวจะร้องเพลงชาติได้แล้ว เพื่อนยังเล่าต่ออีกว่าทางโรงเรียนได้สอนถึงความหมายและความสำคัญของธงชาติไทยประกอบไปด้วย
เพราะจะมีการตั้งคำถามหรือทำข้อสอบด้วยหลังร้องเพลงชาติจบแล้ว
เช่น จะถามว่า สีแดงหมายถึงอะไร สีขาวหมายถึงอะไร สีน้ำเงินหมายถึงอะไร
ในส่วนของสีน้ำเงินซึ่งหมายถึงพระมหากษัตริย์นั้น คุณครูสอนลงลึกในรายละเอียดพอสมควรทีเดียวว่า เป็นหลักชัยและเป็นที่สักการะของประชาชนชาวไทย
เล่าไปถึงประวัติศาสตร์ที่แผนที่ประเทศไทยเราเป็นรูปด้ามขวานและคงอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ก็ด้วยพระปรีชาสามารถขององค์พระมหากษัตริย์ทุกองค์ในอดีต
เพื่อนบอกว่า หลานสาวอายุ 6 ขวบของเพื่อน ใช้คำว่า “พระราชกรณียกิจ” ได้ด้วยแม้จะเปล่งเสียงตะกุกตะกักแต่ก็รู้จักคำนี้
รวมทั้งรู้ด้วยว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคตและปัจจุบันอยู่ในรัชสมัยของรัชกาลที่ 10
พอเพื่อนเล่าเรื่องหลานตัวเองจบเพื่อนก็บอกผมว่า ซูมช่วยไปเขียนหน่อยเถิด ขอให้โรงเรียนระดับประถมศึกษาจงสอนเน้นในเรื่องเหล่านี้ต่อไป และขอให้พ่อแม่ผู้ปกครองช่วยสอนเสริม หรือแสดงความคิดเห็นเสริมตลอดจนปฏิบัติตนให้เด็กๆ ได้รับรู้รับทราบด้วยเพื่อการซึมซับไว้
เพราะเพื่อนไม่แน่ใจว่า เราจะสูญเสียเด็กๆ ในระดับ “มัธยม” ไปจนถึงมหาวิทยาลัยให้แก่ “ฝ่ายโน้น” มากน้อยเพียงใด
ก็เหลือในระดับประถมและต่ำลงมาถึงอนุบาลนี่แหละที่เราจะต้องเอาไว้ให้อยู่ และเริ่มต้นเอาให้อยู่นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ถ้าไม่เริ่มอย่างจริงจังและไม่สามารถประคองระดับประถมไว้ได้อีก อนาคตจะยากขึ้นๆ เรื่อยๆ
ผมฟังแล้วก็คล้อยตามขออนุญาตนำมาเขียนต่อเสนอแนะผู้เกี่ยวข้องทุกๆ ฝ่ายในวันนี้อีกครั้งหนึ่ง
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณโรงเรียนชั้นประถมที่หลานของเพื่อนผมเรียนอยู่ที่ยังสอนและสอบในสิ่งที่ดีงามและเป็นแกนหลักของประเทศชาติเราให้แก่เด็กๆ
ในประเด็นนี้ผมขอให้การสอบร้องเพลงชาติและความรู้ที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทยและความสำคัญของสถาบันหลักต่างๆ จงผ่านไปด้วยดี…โดยเด็กๆ สอบได้คะแนนดีกันทุกคน
ส่วนในระดับมัธยมนั้นก็อย่าได้ย่อท้อครับ ขอให้ใช้ความพยายามของคุณครูอย่างเต็มที่…โดยพูดคุยกันอย่างเปิดอกเปิดใจอย่างผู้ใหญ่กับลูกหลาน ผมเชื่อว่า เด็กส่วนมากคงจะยังอยู่กับ “ฝ่ายเรา”
ส่วนในระดับมหาวิทยาลัย ครูบาอาจารย์หลายคนให้ท้ายอย่างมาก แต่ผมก็ยังหวังว่า นิสิตนักศึกษาส่วนใหญ่จะยังเข้าใจและพร้อมจะอยู่กับ “ฝ่ายเรา” เมื่อได้พิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว
ผมเสียใจที่ต้องใช้คำว่า “ฝ่ายเรา” บ้าง “ฝ่ายโน้น” บ้าง ทั้งๆ ที่ควรจะมีเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น คือฝ่าย “ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย”
คนแก่อย่างผมก็คงจะเสนอความเห็นได้เพียงเท่านี้และรอว่า…เมื่อไรหนอ วันที่เราจะร้องเพลงชาติไทยและเชิดชูธงไตรรงค์ไทยที่ประกอบด้วยสถาบันหลักทั้ง 3 อย่าง พร้อมเพรียงกันอีกครั้งหนึ่ง.
“ซูม”