เมื่อตอนที่โควิด–19 ระบาดรอบแรกนั้น คนไทยจำนวนมากที่รอฟังคุณหมอทวีศิลป์แถลงข่าวช่วงก่อนเที่ยงจะคอยลุ้นกันว่า “เลขที่ออก” หรือจำนวนตัวเลขของผู้ติดเชื้อจะมากหรือน้อยอย่างไร?
แรกๆ เป็นตัวเลข 3 หลักคือ เกินร้อยขึ้นไป เราก็รู้สึกใจคอไม่ดี มองว่าเยอะเหลือเกิน แสดงว่าสถานการณ์หนักมาก…ต่อมาลดลงเหลือตัวเลข 2 หลัก คือวันละไม่ถึงร้อย เราก็เริ่มใจชื้นรู้สึกมีความหวังมากขึ้น
ระยะหลังๆ เราก็ลุ้นตัวเลขหลักเดียว…วันไหนออกมาที่เลขหลักเดียวคนฟังจะส่งเสียงเฮลั่น โดยเฉพาะวันที่ออกเลขศูนย์ เสียงเฮจะดังที่สุด
แต่สำหรับการระบาดรอบนี้ตรงข้ามเลยครับ เพราะระยะหลังๆ ตัวเลขออกมา 3 หลักทุกวัน และเป็น 3 หลักสูงๆ ด้วย 900 กว่าบ้าง 800 กว่าบ้าง นับตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2564 เป็นต้นมาอยู่ในระดับนี้ตลอด
เพิ่งจะมาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี้เอง ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่แม้จะยัง 3 หลักอยู่ แต่ก็ 3 หลักที่ 490 ราย ดีที่สุดของการระบาดรอบหลัง
ไทยรัฐถึงกับพาดหัวเป็นเชิงดีใจว่าต่ำกว่า 500 รายเป็นวันแรก…
แสดงว่าความหนักหน่วงของสถานการณ์ครั้งนี้มากกว่าครั้งที่แล้วเยอะ…ครั้งก่อนต้อง “ต่ำสิบ” หรือตัวเลขเดี่ยวๆ เราถึงดีใจ แต่ยุคนี้ได้ต่ำกว่า “500” ก็เริ่มดีใจและมองเห็นแสงสว่างกันแล้ว
นอกจากจะรายงานให้เห็นตัวเลขที่ทำให้สบายใจขึ้นดังกล่าวแล้ว ไทยรัฐยังรายงานถึงสถานการณ์ของจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการระบาดรอบสอง และเป็นจุดที่สาหัสสากรรจ์ที่สุดของประเทศไว้ด้วย
ไทยรัฐพาดหัวว่าทีมปราบโควิด-19 ของสมุทรสาครสามารถเข้า “ทลายรังปลวก” ได้แล้ว ซึ่งหมายถึงเข้าสู่บริเวณต้นตอของสาเหตุที่มีผู้ติดเชื้ออยู่มากๆ และจัดการได้จนเกือบอยู่หมัดแล้ว
สำนวน “ทลายรังปลวก” ที่ว่านี้เป็นถ้อยแถลงของท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครเอง เปรียบเทียบให้เห็นภาพของการดำเนินงานได้อย่างแจ่มชัด…โดยเฉพาะคนที่บ้านมีปลวกเยอะอย่างผมฟังปุ๊บเข้าใจปั๊บเลยทีเดียว
ผมก็หวังว่าตัวเลขต่ำกว่า “500” ในครั้งนี้และยุทธการทลายรังปลวกของจังหวัดสมุทรสาครจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการหลุดพ้นจากการระบาดรอบนี้นะครับ
ก็มาถึงคำถามและเสียงวิจารณ์ที่หนาหูในช่วงนี้ว่าประเทศไทยของเราจะฉีดวัคซีนช้าไปหรือไม่? รัฐบาลไปทำท่าไหนเข้าถึงได้ช้ากว่าประเทศอื่นๆเช่นนี้
ในความเห็นของผมคิดว่า ถ้าทุกอย่างมาครบในเดือนมิถุนายนจริง ก็ถือว่าเป็นไปตามแผนและไม่ได้ล่าช้า…ใครที่ติดตามเรื่องนี้มาตลอดจะทราบดีว่าแผนการซื้อวัคซีนแอสตราเซเนกาเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เหมาะที่สุดแล้ว มองจากทุกแง่ทุกมุม
ผมฟังคุณหมอ นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ท่านบรรยายให้ฟังผ่านวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 มาตั้งแต่เรื่องวัคซีนยังเป็นเรื่องลมๆ แล้งๆ ไม่รู้ว่าทดลองแล้วจะเป็นอย่างไร? จนมาถึงบทสรุปว่าทำไมต้องซื้อกับบริษัทนี้ และในกำหนดเวลาที่ดูจะช้าไปหน่อยแบบนี้
ทำให้ทราบทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านเรา คณะคุณหมอท่านช่วยกันคิด ช่วยกันปรึกษาหารือก่อนจะออกมาในแนวนี้ และเสนอไปยังรัฐบาล
เผอิญโลกเราเกิดทดลองวัคซีนได้เร็วกว่ากำหนด จึงเริ่มมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลมากขึ้นในทำนองว่าช้าไปหรือเปล่า? ดังกล่าว
ผมโชคดีที่มีโอกาสนั่งฟังท่าน ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ท่านเล่าถึงแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของประเทศไทยมาตั้งแต่ต้น ก็เลยไม่มีอะไรสงสัยในการทำงานของรัฐบาล
แต่ก็เข้าใจดีถึงความห่วงใยของทุกๆ ฝ่ายที่ตั้งคำถามในขณะนี้ และหวังว่ารัฐบาลโดยเฉพาะคุณหมอของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็น “ฮีโร่” มาตลอดจะสามารถชี้แจงได้อย่างละเอียดต่อไป
ที่สำคัญหากจะหาวัคซีนจากที่ใดมาฉีดได้ก่อนจำนวนหนึ่งภายในเดือนกุมภาพันธ์ตามที่ท่านรองฯอนุทินแถลงไว้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีและขอให้เร่งดำเนินการต่อไป
สำหรับผมเองด้วยอายุอานามขนาดนี้ถือว่าเป็น “กลุ่มเสี่ยง” อย่างสูงยิ่ง แต่ถ้าจะถามผมว่า หากมีโอกาสฉีดในเดือนกุมภาพันธ์นี้จะฉีดกะเขาไหม? ผมก็ขอตอบเลยว่า…ขอสละสิทธิ์ครับ
ก็กลัวนะสิครับ ทดลองเร็วเหลือเกิน เสร็จเร็วเหลือเกิน จะมีผลข้างเคียงอะไรบ้างก็ไม่รู้…แต่ที่จะมาเดือนมิถุนายนโน่น ทุกอย่างคงโอเคแล้ว ผลดีผลเสียต่างๆ คงรู้แล้ว…ค่อยฉีดตอนนั้นก็แล้วกัน!
“ซูม”