ก่อนที่ผมจะหยิบปากกาขึ้นมาเขียนคอลัมน์วันนี้เพียงไม่กี่นาที สำนักข่าวต่างประเทศทุกสำนักรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ของสหรัฐฯ เช่นเคยว่า…ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมทั่วโลกทะลุเกิน 90 ล้านคนไปเรียบร้อย
ในขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตสะสมทั่วโลกก็พุ่งเกิน 1 ล้าน 9 แสนราย ใกล้จะถึง 2 ล้านรายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
เห็นตัวเลขแล้วก็ใจหายนะครับ และถ้าเราเจาะลึกลงไปดูในรายละเอียดก็จะยิ่งใจหายขึ้นอีกหลายๆเท่า
เพราะตัวเลขที่พุ่งกระฉูดขึ้นอย่างน่าวิตกนั้นเกิดขึ้นในช่วงของการระบาดรอบหลังสุด ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว (2563) มาจนถึงต้นๆ ปีนี้ หรือเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมานี้เอง
โดยเฉพาะเมื่อวันศุกร์ที่ 8 มกราคม 2564 ตัวเลขที่มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รวบรวมไว้พุ่งขึ้นไปถึง 835,552 ราย หรือ 8 แสน 3 หมื่นกว่ารายเศษ น่าจะสูงสุดเป็นสถิติใหม่ในรอบ 1 วันนับแต่ระบาดมา
ถัดมาเสาร์ที่ 9 มกราคม น้อยลงไปหน่อยหนึ่ง แต่ก็ยังอยู่ที่ 826,774 ราย เกิน 8 แสนรายเช่นเดียวกัน
มาถึงวันที่ผมเขียนต้นฉบับ (อาทิตย์ที่ 10 มกราคม) ลดไปอยู่ที่ 727,131 ราย ดูดีขึ้นเยอะ แต่ก็ยังเป็นตัวเลขที่น่ากลัวอยู่นั่นเอง เพราะยังสูงเกินกว่า 700,000 รายต่อวัน
จำได้ไหมครับ เมื่อประมาณเดือนกันยายน ตุลาคมของปีที่แล้ว ตัวเลขการระบาดสะสมต่อวันเพิ่มขึ้นสู่อัตราเฉลี่ยเกิน 500,000 คุณหมอยังร้องลั่นกันแล้วว่ามากเกินกว่าประสิทธิภาพทางการแพทย์ของโลกจะรับไหว
นี่ปาเข้าไป 7 แสนต่อวัน แถมยังมี 8 แสนกว่าถึง 2 วัน จะไม่ให้คุณหมอทั้งหลายท่านวิตกกังวลหนักขึ้นไปอีกได้ยังไงล่ะครับ
ประเทศที่เพิ่มเยอะอย่างคงเส้นคงวาและพุ่งขึ้นตลอดก็คือ “ลุงแซม” หรือสหรัฐฯ เจ้าเก่านั่นเอง…
ล่าสุดขณะที่ผมเขียนต้นฉบับ สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อสะสม 22 ล้าน 6 แสนกว่ารายเข้าไปแล้ว และเสียชีวิตกว่า 380,000 ราย เฉียดใกล้ 400,000 รายเข้าไปทุกขณะ
บรรดาประเทศในละตินอเมริกาก็ยังหนัก บราซิล ทำท่าลดลงก็กลับมาระบาดใหม่วันละ 5-6 หมื่นราย อาร์เจนตินา “ฟ้าขาว” ก็กลับมาวันละหมื่นกว่าราย หรืออย่างโคลอมเบียก็ปาไปวันละหมื่นห้า
ยุโรปไม่ต้องพูดถึง ยังหนักหน่วงทุกประเทศ ไล่ไปตั้งแต่รัสเซีย, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, อิตาลี, เยอรมนี ยังต้องล็อกดาวน์กันอยู่จนถึงบัดนี้
มาที่ อาเซียน เพื่อนบ้านเรา อินโดนีเซีย ยังหนักหนาเหลือเกินติดเชื้อใหม่วันละหมื่นกว่ารายมาหลายวันแล้ว…มาเลเซีย รั้วติดกับเราด้านทิศใต้นี่ก็หนัก ติดเชื้อวันละกว่า 2 พัน มาหลายๆ วัน
ในขณะที่ เมียนมา ชายแดนตะวันตก ทุกวันนี้เริ่มดีขึ้น ติดเชื้อใหม่เฉลี่ยเหลือวันละ 500-600 ราย แต่ก็ยังประมาทไม่ได้
กล่าวโดยสรุป การระบาดระลอกใหม่ของโลกแรงและรวดเร็วกว่าระลอกที่แล้ว และในบางประเทศมีการกลายพันธุ์ด้วย ทำให้น่าเป็นห่วงมากกว่าเดิม
ในแง่ของข่าวดี บริษัทยาต่างๆ เริ่มทยอยกันผลิตวัคซีนออกมาแล้ว และหลายๆ ประเทศก็เริ่มฉีดกันแล้ว…แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ การฉีดวันนี้กว่าจะเห็นผลคงอีกพักใหญ่ ทำให้การระบาดที่เกิดขึ้นก่อนวัคซีนจึงยังคงมีต่อไป และมีอย่างน่ากลัวเพราะแรงกว่าเดิมดังตัวเลขที่ปรากฏให้เห็น
สำหรับบ้านเราอุตส่าห์เอาตัวรอดมาอย่างดี มาเผลอ “โป๊ะแตก” อย่างน่าเจ็บใจ เพราะความเห็นแก่ตัวและเห็นแก่ได้ของคนบางกลุ่มบางเหล่า ทำให้เราต้องกลับมาระบาดรอบใหม่กับเขาด้วย
ก็คงต้องลืมความโกรธความแค้นเอาไว้ชั่วขณะ หรือถ้ายังลืมไม่ได้จะใช้วิธีเผาพริกเผาเกลือระบายความโกรธก็ว่ากันไป…แต่ในขณะเดียวกันจะต้องปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ของทางราชการอย่างเคร่งครัด
ร่วมแรงร่วมใจกันเอาชนะศึกโควิด-19 ในบ้านเราให้ได้อีกครั้งนะครับ
เหนื่อยเมื่อไรท้อเมื่อไรขอให้ไปเปิดดูตัวเลขระดับโลกในทันที เผื่อจะทำให้จิตใจเราดีขึ้น มีกำลังใจมากขึ้น
เรียนตรงๆ ว่าผมใช้วิธีนี้บ่อยมาก…เวลาท้อทีไรจะหันไปดูตัวเลขทีนั้น พอเห็นว่าของเรายังดีกว่าอเมริกา, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, อิตาลี, สเปน, เยอรมนี ฯลฯ ก็จะหายท้อทันที
พร้อมจะกัดฟันสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ และรักษาระยะห่างทางสังคมต่อไปว่างั้นเถอะครับ.
“ซูม”