ซอกแซกสัปดาห์ที่แล้วเขียนแนะนำสถานที่ประดับไฟคริสต์มาสและปีใหม่ สวยงามประทับใจเหมาะแก่การแวะไป “เช็กอิน” มาแล้ว 4 แห่ง 4 สถานที่

ได้แก่ ไอคอนสยาม, เซ็นทรัลเวิลด์, เอ็มโพเรียม-เอ็มควอเทียร์ และ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ที่ยังคงประดับไฟอย่างยิ่งใหญ่ อลังการ สว่างไสวไม่แพ้ปีที่ผ่านๆ มา

พร้อมกับทิ้งท้ายไว้ว่ายังมีอีก 2-3 แห่ง ที่สมควรไปเดินให้กำลังใจ เพราะแต่ละแห่งยังคงตกแต่งอย่างเต็มที่ แม้ในยามยากภาวะเศรษฐกิจตกตํ่าอันเนื่องมาจากโดนโควิด-19 ไวรัสมหาภัยเล่นงานจนสะบักสะบอมไปตามๆ กันก็ตาม

เพราะฉะนั้นสัปดาห์นี้เรามาเริ่มเดินต่อกันเลยนะครับ โดยยึดรถไฟฟ้า “บีทีเอส” เป็นหลัก สถานที่ไหนอยู่ใกล้สถานีหรือแม้ต้องเดินบ้าง แต่ก็เดินเพียงแค่นิดๆ หน่อยๆ เราจะเลือกสถานที่แห่งนั้นเอาไว้ก่อน

เริ่มจาก สยามพารากอน ณ สถานีรถไฟฟ้า “สยาม” ซึ่งเป็นชุมทางใหญ่ที่สุดของ กทม. และผู้โดยสารแน่นขนัดที่สุดของ กทม. ก็แล้วกัน

เดินจากสถานีรถไฟฟ้าลงสู่ “สยามพารากอน” ตอนยํ่าคํ่าจะมองเห็นแสงสีอร่ามเรืองรอบๆศูนย์การค้ารออยู่ข้างหน้า

ล่าสุดได้ผลิตภัณฑ์กาแฟชื่อดังอย่าง “เนสกาแฟ” มาร่วมด้วย ยก “สวนสนุก” รับเทศกาลคริสต์มาสสไตล์ “สีแดง” สดใสมาออกร้านยั่วใจเด็กๆ กลางลาน พาร์คพารากอน เลยทีเดียว

ฉากสำคัญสำหรับถ่ายภาพฉากหนึ่งของที่นี่ก็คือ ช่วงที่รถไฟฟ้า บีทีเอส กำลังเลื้อยผ่านด้านบนสุดของลานพาร์คพารากอนนั่นเอง ถ้าถ่ายในระบบวิดีโอจะเห็นรถไฟฟ้าแล่นฉิวงดงามมาก

ข้อได้เปรียบของการมาเดินที่นี่อีกประการหนึ่งก็คือ สามารถเดินทะลุผ่านได้ทั้ง สยามเซ็นเตอร์ และ สยามดิสคัฟเวอร์รี่ หรือย่าน ONESIAM ซึ่งก็ตกแต่งประดับไฟเอาไว้สวยงามเช่นกัน

จากนั้นก็สามารถเดินข้ามเข้าสู่ สกายวอล์ก กลางแยกปทุมวัน ดูทัศนียภาพรอบๆ เป็นของแถมได้อีกทั้ง 4 มุม 4 ทิศ

หรือจะเดินต่อไปที่บริเวณหน้าอาคาร MBK ของศูนย์การค้า มาบุญครอง ซึ่งก็มีลานและต้นคริสต์มาสสวยๆ รอ “เช็กอิน” อยู่อีกหนึ่งจุด

เมื่อยํ่าไปถึง มาบุญครอง แล้วถ่ายรูปจนหนำใจแล้วก็ขอแนะนำให้เดินไปที่สถานีบีทีเอส สนามกีฬาแห่งชาติ ใกล้ๆ นั่นแหละครับ เพื่อที่จะขึ้นโดยสารจากสถานีต้นทางแห่งนี้ ย้อนกลับมา สยาม แล้วเลยผ่านสถานี ราชดำริ, ศาลาแดง, ช่องนนทรี, สุรศักดิ์ ไปถึงสถานี สะพานตากสิน โน่นเลย

จากสถานี สะพานตากสิน เดินลงมาเลยครับ เพื่อยํ่าต็อกผ่านห้าง โรบินสัน เข้าสู่ ย่านบางรัก และยํ่าต่อไปเรื่อยๆ สู่ย่านเจริญกรุง ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่โรงเรียนอัสสัมชัญผ่านทางแยกเข้าโรงแรม โอเรียนเต็ล ผ่านห้างเก่าต้นกำเนิด “เซ็นทรัล” ที่เรียกว่า เซ็นทรัลออริจินอล สโตร์ ไปเรื่อยๆ

จนถึงอาคาร ไปรษณีย์กลาง แล้วก็ย่าน ตลาดน้อย อันเป็นจุดหมายปลายทาง

นี่คือบริเวณสถานที่สำหรับการจัดงาน Awakening Bankok 2020 เทศกาลแสงไฟที่โด่งดังประทับใจ และมาแรงมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้

สำหรับปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้วครับ และเริ่มมีการประดับประดามาตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคมโน่นแล้ว และตามกำหนดการจะจบงานใหญ่ที่มีการแสดงสีสันครบถ้วนทุกอย่างในวันนี้ (20 ธันวาคม) แต่หลังจากนั้นจะเก็บการแสดง “ไฟศิลปะ” บางชิ้น ซึ่งก็ยังสวยมากไว้ให้ดูต่อไปเรื่อยๆ จนถึงวันที่ 5 มกราคม 2564 โน่นเลย

จุดเด่นของปีนี้จะเริ่มจาก โรงภาพยนตร์ปริ้นซ์ บางรักที่ในอดีตเคยเป็นโรงภาพยนตร์ชั้น 2 ที่ให้ความสุขแก่ผู้คนในย่านนี้มาเป็นเวลาร่วมๆ 100 ปี ซึ่งหัวหน้าทีมซอกแซกเองก็เคยแวะไปดูชมภาพยนตร์ฝรั่ง 2 เรื่อง พากษ์ไทยในราคา 10 บาท มาหลายครั้ง (บางครั้งเป็นภาพยนตร์ประเภทดูแล้วหวาบหวามหัวใจเสียด้วย)

แต่ปัจจุบันนี้อาคารโรงภาพยนตร์ปริ้นซ์ได้แปรสภาพเป็นโรงแรมขนาดเล็ก 26 ห้อง ไปเสียแล้ว และตกแต่งห้องโถงด้านล่างให้เป็น “บาร์” ขายเครื่องดื่ม ซึ่งออกแบบให้เหมือนหน้าโรงภาพยนตร์พร้อมกับจำหน่ายเครื่องดื่ม ทั้งมีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ ที่ได้รับอิทธิพลมาจากภาพยนตร์

ในงาน Awakening Bangkok 2020 ครั้งนี้คณะกรรมการจัดงานจะฉายภาพยนตร์สารคดีเรื่อง The Man Who Walked Around The World ที่สปอนเซอร์โดยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ระดับโลกยี่ห้อหนึ่ง ที่ไม่สามารถจะเอ่ยชื่อ ณ ที่นี้ได้ เพราะอาจผิดกฎหมายที่เขาห้ามโฆษณาเหล้าเบียร์ต่างๆ

แต่ก็ยินดีที่จะเอ่ยถึงโรงภาพยนตร์ปริ้นซ์ บางรัก เพื่อเชิญชวนคนรุ่นเก่าไปรำลึกความหลังในอดีต และยลโฉมใหม่ของโรงหนังที่กลายเป็นโรงแรมกับบาร์ขายเหล้าไปซะแล้วดังกล่าว

จากโรงหนังปริ้นซ์ไปถึงตลาดน้อยจะมีการประดับไฟที่เรียกกันว่า “ประติมากรรมแสงไฟ” รวม 36 จุด จาก 25 ศิลปินที่ผ่านการคัดเลือกจากทีม Time Out Bangkok เจ้าของความคิดสร้างสรรค์ในการ “จุดไฟ” ปลุกย่านเจริญกรุง-บางรักตลาดน้อย ให้ตื่นจากความหลับใหลแห่งอดีตกาลมาแล้วเป็นปีที่ 3 ดังกล่าว

จุดเด่นๆ ที่ควรแวะชมและถ่ายภาพในปีนี้ ก็เช่น บริเวณ ไปรษณีย์กลางบางรัก, บ้านพักตำรวจนํ้า, โกดังซอย 30 หรือ Warehouse 30, ศาลเจ้าโรงเกือก, ท่านํ้าสี่พระยา, บางรักริเวอร์ไซค์ ฯลฯ ล้วนมีการประดับประดาไฟแบบคลาสสิกที่ให้ความงดงามอย่างมีศิลปะร่วมสมัย

คือไม่อลังการแบบไฟคริสต์มาส แต่ก็มีเสน่ห์และท้าทายกล้องถ่ายรูปไปอีกแบบหนึ่ง…ที่สำคัญคือท้าทายให้เราเดินตามแสงไฟไปได้ไกลโขอย่างไม่รู้ตัว

สรุปว่า…ทีมงานซอกแซกขอเชิญชวนท่านผู้อ่านอีกครั้งให้ออกตระเวนดูชมแสงไฟปีใหม่ ตามสถานที่ต่างๆ ทั้งที่เอ่ยมาแล้ว และยังมิได้เอ่ย …ซึ่งต้องขออภัยด้วย เพราะจะไม่เอ่ยอีกเนื่องจากความจำกัดของเนื้อที่คอลัมน์

อย่างที่บอกแหละครับขอให้ยึด BTS เป็นหลักไว้ สามารถไปได้หมดทุกที่ดังๆเลยละ …แม้แต่ ICONSIAM ก็ไปได้แล้ววันนี้…ไม่ต้องนั่งเรือข้ามฟากแล้ว นั่ง BTS ไปลงสถานีกรุงธนบุรี ต่อรถไฟฟ้า “สีทอง” สายใหม่ ลงดูไฟปีใหม่ที่ไอคอนสยามได้เลย.

“ซูม”