เช้าตรู่วันนี้ผมตื่นขึ้นมาดูโทรทัศน์รายการพยากรณ์อากาศของช่องไหนจำไม่ได้แล้วละ เพราะกดรีโมตเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
จำได้แต่เนื้อหาสาระของการพยากรณ์ประโยคหนึ่งว่า “วันนี้ที่ภาคเหนือจะมีอุณหภูมิโดยเฉลี่ยต่ำสุด 12–18 องศาเซลเซียส บริเวณ ยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่อุณหภูมิ ต่ำสุด 1-10 องศาเซลเซียส”
ผมฟังมาถึงช่วงที่บอกว่ามีน้ำค้างแข็งก็นึกภาพตามไปด้วย มองเห็น “เกล็ดน้ำแข็ง” คล้ายๆ “น้ำแข็งไส” หรือ “บิงซู” สีขาวกระจายไปทั่วหุบเขา
แม้จะไม่ขาวโพลนเหมือนปุยสำลีแบบ “หิมะ” และความหนาวเย็นก็คงสู้ตอนที่หิมะตกไม่ได้หรอก เพราะช่วงนั้นอุณหภูมิจะต้องต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียสเยอะพอสมควร
แต่ของเราแค่ 1 องศาเท่านั้นได้เกล็ดน้ำแข็งไส หรือน้ำค้างแข็งมาให้ชื่นชมก็ถือว่าโอเคแล้วละครับ
คนไทยเราเป็นคนชอบความหนาวความเย็น ชอบหิมะ เวลาไปเที่ยวเมืองนอกเจอหิมะตกจะรีบวิ่งออกจากโรงแรมไปถ่ายรูปทันที
บ้างก็ลงไปลุยหิมะพร้อมกับกอบหิมะขึ้นมาปั้นเป็นก้อนขว้างปาใส่กันอย่างมีความสุข
ด้วยเหตุที่คนไทยเราชอบความหนาวความเย็นและชอบหิมะเช่นนี้ ในแต่ละปีในช่วงฤดูหนาวจึงแห่กันขึ้นภาคเหนือเป็นจำนวนมาก เพื่อไปสัมผัสความหนาว และถ้ามีโอกาสก็จะขึ้นไปนอนบนดอยเพื่อดูเกล็ด “น้ำค้างแข็ง” แทนหิมะสักวัน 2 วัน
ผมจึงเดาล่วงหน้าไว้ว่าในช่วงวันหยุดยาวพิเศษที่เริ่มมาตั้งแต่เมื่อวานนี้คือ 10 ธันวาคม (วันรัฐธรรมนูญ) ไปจนถึงวันอาทิตย์ที่13ธ.ค. ผู้คนจากภาคต่างๆจะขึ้นไปเที่ยวภาคเหนือกันเป็นจำนวนมาก
แม้จะมีข่าวเรื่อง “โควิด–19” ที่อิมพอร์ตจากจังหวัดท่าขี้เหล็กมารบกวน ทำให้หวาดผวากันบ้าง จนมีการบอกคืนห้องพักที่จองไว้ โดยเฉพาะที่เชียงรายคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ที่เยอะพอสมควรในช่วงเป็นข่าวแรกๆ
แต่ผมก็ยังหวังว่าในช่วงวันหยุดพิเศษที่ว่านี้ ห้องพักของโรงแรมต่างๆในภาคเหนือ โดยเฉพาะเชียงรายคงจะกลับมาเต็มหรือใกล้เต็มเช่นเดิมนะครับ
เพราะทางจังหวัดโดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดและสาธารณสุขจังหวัด ท่านยืนยันว่าท่านสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ ไม่มีการแพร่ระบาดที่รุนแรงแต่อย่างใด ขอเพียงให้นักท่องเที่ยวยกการ์ดสูงๆคือป้องกันตัวเองไปด้วยระหว่างเที่ยวรับรองปลอดภัยแน่นอน
นะครับ ขอให้ไปเที่ยวฉลองนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลให้เต็มที่ เพื่อใช้เงินตามโครงการต่างๆ เช่น “เราเที่ยวด้วยกัน” หรือ “คนละครึ่ง” ให้หมดโควตาเก่าที่เราลงทะเบียนกันไว้
จากนั้นค่อยเตรียมตัวลงทะเบียนงวดใหม่ที่มีข่าวว่า 16 ธันวาคมนี้ตั้งแต่ 6 โมงเช้าเป็นต้นไป จะเปิดให้ลงทะเบียนโครงการ “คนละครึ่ง” เฟสสองกันละ
ส่วนโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ก็มีข่าวว่าจะเพิ่มจำนวนห้องพักให้อีก เพิ่มค่าสนับสนุนการเดินทางโดยเครื่องบินให้อีก และยืดเวลาออกไปอีกถึงวันที่ 30 เมษายน 2564 โน่นเลย
ดูรายละเอียดและวิธีการลงทะเบียนจากหน้าข่าวเศรษฐกิจหนังสือพิมพ์ต่างๆ หรือเว็บไซต์ของทำเนียบรัฐบาลได้เลยครับ
ใครชอบความเย็นความหนาวก็ไปช่วงนี้เลย ใครที่ชอบความอบอุ่นและบรรยากาศสงกรานต์จะรอถึงเดือนเมษายน 2564 ก็ไม่ว่ากัน
นานๆ จะมีโครงการโปรโมชันลดแลกแจกแถมจากรัฐบาลที่โดนใจ ประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งนอกจากเราจะได้เที่ยวสนุกๆ แล้วยังได้ชื่อว่ามีส่วนในการช่วยชาติ (คือกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติ) ด้วยแบบนี้สักทีนึง
แต่ข้อสำคัญต้องแน่ใจนะครับว่า เงินที่ท่านจะนำมาเที่ยวครั้งนี้เป็นเงินออมของท่านเอง หรือจากส่วนที่ท่านเก็บหอมรอบริบไว้เอง ไม่ใช่เงินกู้ เงินยืมอะไรต่างๆ โดยเฉพาะเงินกู้เงินยืมนอกระบบ ห้ามนำมาใช้เที่ยวเด็ดขาด
เพราะยังไงๆ ท่านก็ต้องจ่ายส่วนหนึ่ง เนื่องจากรัฐบาลมิได้จ่ายให้ท่านทั้งหมด หากส่วนที่ท่านจะจ่ายเองเป็นเงินกู้เงินยืม ก็แปลว่าท่านจะต้องเป็นหนี้และจะต้องใช้คืนคนที่ท่านกู้ยืมมาในภายหลัง
เดี๋ยวจะมาเป็นภาระแก่ชีวิตต้องใช้หนี้หัวโตกันซะเปล่าๆ เพราะเห็นแก่โปรโมชันเย้ายวนใจจากรัฐบาล
รักสนุกแต่ทุกข์ถนัด แบบนี้ไม่เอานะครับ อยากดู “น้ำค้างแข็ง” แค่ไหนก็ต้องอดใจไว้…ถ้าไปเที่ยวแล้วจะต้องเป็นหนี้ชาวบ้านละก็นอนดูเกล็ดนํ้าแข็งข้างๆ ขอบตู้เย็นในครัวเราเองไปพลางๆ ก่อนก็แล้วกัน…
“ซูม”