เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา เต็มไปด้วยความคึกคักกระปรี้กระเปร่า ปิดบวกค่อนข้างเยอะมาก ทั้ง 3 ตลาด…โดยเฉพาะดาวโจนส์บวกถึง 455 จุด ขึ้นไปปิดที่ 30,046 จุด ทำสถิติสูงสุดใหม่ของสหรัฐฯ และทะลุผ่านหลัก 30,000 จุด เป็นครั้งแรก
ถามว่าอะไรทำให้ตลาดหุ้นเมืองลุงแซมพุ่งปรูดปราด ถึงขนาดนั้น? คำตอบก็เห็นจะอยู่ที่ว่า เพราะในวันนั้นมีแต่ข่าวดีๆ เกิดขึ้นทั้งวัน
โดยเฉพาะข่าวดีที่สุดก็คือ ข่าวที่ว่าคุณ โดนัลด์ ทรัมป์ แม้จะยังดื้อรั้นไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ออกมาตรงๆ แต่ส่งสัญญาณยอมแพ้ออกมาแล้วด้วยการยอมไฟเขียวให้เริ่มต้นกระบวนการถ่ายโอนอำนาจจากประธานาธิบดีเก่าสู่ประธานาธิบดีใหม่ได้ตั้งแต่วันอังคาร
ซึ่งว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ โจ ไบเดน ก็ส่งทีมงานไปประสาน ทันที โดยเฉพาะเรื่องแรกที่จะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนก็คือ การถ่ายโอนงานทางด้านบริหารและจัดการกับปัญหาโควิด-19 ที่เล่นงานสหรัฐฯ อย่างหนักหน่วง แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ค่อยสนใจไยดีจนทำให้คนอเมริกันติดเชื้อมากที่สุดในโลกและตายมากที่สุดในโลกอยู่ในขณะนี้
เมื่อประธานาธิบดีทรัมป์มีท่าทียอมอ่อนข้อและท่านว่าที่ประธานาธิบดีไบเดน ก็แสดงความเอาจริงเอาจังในเรื่องโควิด-19 จึงนำความยินดีมาสู่ตลาดหุ้นอย่างมากดังกล่าว
อีกความยินดีหนึ่งของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาก็คือ ข่าวที่ว่า คุณ โจ ไบเดน เริ่มเปิดเผยรายชื่อคณะรัฐมนตรีของท่านออกมาแล้วหลายๆ คน… และมีอยู่คนหนึ่งที่นักลงทุนชื่นชอบมากก็คือ คุณ เจเน็ต เยลเลน ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นั่นเอง
คุณ เจเน็ต เยลเลน สุภาพสตรีวัย 74 ปี ผู้นี้เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่โดดเด่นมากคนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา
คนอายุอานามขนาดนี้มาเดินขึ้น BTS บ้านเราหรือไปเดินตามห้างต่างๆ
อาจโดนเด็กรุ่นหลังบูลลี่ว่าเป็น “มนุษย์ป้า” ไปแล้วละ
แต่สำหรับคุณป้า เจเน็ต เยลเลน คงไม่มีใครกล้า “บูลลี่” แน่ๆ เพราะท่านยังทำงานอย่างเข้มแข็ง และยังเป็นนักเศรษฐศาสตร์ ประจำสถาบันบรู็คกิ้ง (Brooking Institute) กรุงวอชิงตัน ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยและ ระดมความคิดแบบ TDRI บ้านเรา
ตำแหน่งสำคัญที่คนอเมริกันและชาวโลกรู้จักท่านอย่างดียิ่ง ก็คือตำแหน่ง ประธานธนาคารกลาง หรือแบงก์ชาติของสหรัฐฯ นั่นแหละครับ ท่านขึ้นดำรงตำแหน่งจากการแต่งตั้งของประธานาธิบดี บารัค โอบามา เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ.2014
คุณเจเน็ตดำรงตำแหน่งจนครบเทอม 4 ปี เมื่อ ค.ศ.2018 ซึ่งสหรัฐฯ เปลี่ยนประธานาธิบดี จากโอบามามาเป็นคุณทรัมป์แล้วตั้งแต่ 2017 ปรากฏว่าคุณทรัมป์ไม่ยอมตั้งท่านให้เป็นต่อในสมัยที่ 2
คงเป็นเพราะคุณป้าเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครตและเคยเป็นประธานที่ปรึกษาของประธานาธิบดี บิลล์ คลินตัน มาแล้วด้วย
สำหรับผมเองยอมรับว่าเป็นแฟนคลับของท่านคนหนึ่ง ชอบที่ครอบครัวท่านเป็นนักเศรษฐศาสตร์แบบยกครัว…สามีท่าน ดร.จอร์จ เอเคอร์ลอฟ ก็เป็นนักเศรษฐศาสตร์เช่นกัน ไม่ใช่ธรรมดาเลยนะครับ เคยได้รางวัลโนเบล สาขาเศรษฐศาสตร์มาแล้วด้วย
แถมลูกชาย คุณ โรเบิร์ด เอเคอร์ลอฟ ก็จบทางด้านเศรษฐศาสตร์ และสอนวิชาเศรษฐศาสตร์ เข้าด้วยอีกคน…มีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจสำคัญสามารถปรึกษาได้ทั้งสามีและลูกชายว่างั้นเถอะ
ที่สำคัญ หากคุณเจเน็ตซึ่งได้รับการเสนอชื่อตามข่าวและหากรัฐสภาให้การรับรองตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว ท่านจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หญิงคนแรกของเมืองลุงแซมเลยทีเดียว
ผมเอาใจช่วยคุณป้าเต็มที่ หวังว่าท่านจะเข้ามาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้สำเร็จ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจของประเทศไทยในทางอ้อมด้วยเช่นกัน
สมัยก่อนมีคำพังเพยว่า “ทหารแก่ไม่มีวันตาย เพียงแต่จะค่อยๆ เลือนหายไปเท่านั้น”
สมัยนี้นักเศรษฐศาสตร์แก่ๆ ก็ไม่มีวันตายเหมือนกัน แถมยังมาช่วยงานประธานาธิบดีแก่ๆ ได้ด้วย
จะไม่ให้นักเขียนแก่ๆ อย่างผมภูมิใจได้ยังไงล่ะครับ.
“ซูม”