ผมต้องขอขอบพระคุณท่านผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คุณยุทธศักดิ์ สุภสร เป็นอย่างยิ่ง สำหรับการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวจนเป็นข่าว แม้จะไม่ใหญ่นัก แต่หนังสือพิมพ์ต่างๆ ก็นำไปลงเผยแพร่อย่างโดดเด่นพอสมควร
ขอบคุณที่ท่านแจ้งให้ทราบว่า นักท่องเที่ยวจีนชุดแรก จำนวน 41 คน เดินทางมาถึงประเทศไทยเราแล้ว เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม และอีก 100 คน จะบินตามมาในวันที่ 26 ตุลาคม
นักท่องเที่ยวเหล่านี้พร้อมจะกักตัว 14 วันตามกฎของกระทรวงสาธารณสุข หลังจากนั้นจึงจะออกไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่ได้ แต่ก็จะต้องบ่งบอกว่าไปที่ไหนบ้าง ผ่านแอปพลิเคชันที่ทางการไทยจะออกให้
ผมอ่านแล้วก็นึกถึงปรัชญาในการสร้างเนื้อสร้างตัวของชาวจีนที่หอบเสื่อผืนหมอนใบมาทำมาหาเลี้ยงชีพในประเทศไทย และเมื่อเขาประสบความสำเร็จแล้วเขาก็จะสอนลูกหลานของเขาว่า
อย่าดูถูกเศษสตางค์แดง (สมัยก่อนใช้สตางค์แดงเป็นเหรียญตํ่าสุดราคา 1 สตางค์) นะอาตี๋อาม่วย เพราะหลายๆ อันรวมกันเดี๋ยวก็เป็น 5 สตางค์ เป็น 10 สตางค์ แล้วก็เป็นหนึ่งสลึง พอครบ 4 สลึง ก็เป็น 1 บาท และพอครบบาทได้อีกไม่นานก็จะเป็น 10 บาท 20 บาท เดี๋ยวก็ 100 บาท หากพวกลื้อสะสมเศษสตางค์ไปได้เรื่อยๆ
ท่าน ผอ.กำพล วัชรพล ก็เคยสอนพวกเราในแนวคิดเดียวกันนี้…คืออย่าไปดูถูกดูหมิ่นเงินจำนวนน้อยๆ เป็นอันขาด เพราะถ้าเราสามารถทำให้เศษเงินที่ว่าน้อยๆ นั้นอยู่กับเราได้นานๆ ก็จะเป็นมูลค่ามหาศาล
ผมเคยเห็นกับตาเวลาท่านไปเยี่ยมเอเย่นต์ขายหนังสือพิมพ์ต่างจังหวัด ท่านจะใช้เวลาตื๊อและต่อรองขอให้เพิ่มยอดอยู่เสมอ บางครั้งใช้เวลาเป็นชั่วโมงเพิ่มยอดได้แค่ 20-30 ฉบับเท่านั้นเอง
ท่านบอกพวกเราว่า “อย่าลืมนะเพิ่มวันละ 1 ฉบับ ครบเดือนก็ 30 ฉบับ หรือครบปีก็ 365 ฉบับ และถ้าเป็น 10 ปี 20 ปีล่ะ คุณลองคูณดูซิว่าเป็นเท่าไร”
คำให้สัมภาษณ์ของท่านผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ว่าเราจะได้นักท่องเที่ยวลอตแรก 41 คน กับลอต 2 อีก 100 คน ทำให้ผมนึกถึงปรัชญาในการดำเนินธุรกิจของเจ้าสัวทั้งหลายในอดีต และท่าน ผอ.กำพล ขึ้นมาทันทีทันควัน
นักท่องเที่ยว 41 คนแรก และอีก 100 คนที่จะตามมาจึงเหมือนกับเศษสตางค์แดง หรือหนังสือพิมพ์ 1 ฉบับ ที่ผมยกตัวอย่าง
เพราะเป็นจำนวนที่จิ๊บจ๊อยมาก ยิ่งกว่าเศษของเศษเสียอีก เมื่อเทียบกับยุคที่เรามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประเทศไทยปีละ 35-36 ล้านคน หรือบางปีก็สูงถึงเกือบ 40 ล้านคน
แต่ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป อันสืบเนื่องมาจากโควิด-19 มหาภัย ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวต่างประเทศพังพินาศดังเช่นทุกวันนี้
การได้นักท่องเที่ยวต่างแดนมาประเดิมใหม่ 41 คน และอีก 6 วันจะมาอีก 100 คน จึงเปรียบเสมือนการเริ่มต้นของชีวิตใหม่ สำหรับธุรกิจการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศอีกครั้งหนึ่ง
เป็นจำนวนจิ๊บจ๊อยที่มีคุณค่าทางจิตใจอย่างมหาศาล
ดูแลทั้ง 141 คน (รวม 2 ชุด) ให้ดีๆ นะครับ หลังจากเขาผ่านการกักตัว 14 วันแล้ว ให้เขาเที่ยวให้สนุกให้เพลิดเพลิน เขาจะได้ติดอกติดใจแล้วกลับมาใหม่กลับสู่จำนวนหลายสิบล้านคนดังเดิม
แต่พูดก็พูดเถอะ ผมเองก็ไม่อยากให้มามากแบบล้นทะลักเหมือนทัวร์จีนในอดีตหรอกครับ ขอสักครึ่งหนึ่งหรือ 2 ใน 3 ก็พอแล้ว แต่ขอให้เป็น “ทัวร์คุณภาพ”…ใช้จ่ายเงินพอสมควรและส่วนใหญ่ของเงินที่พวกเขาจ่ายนั้น ตกอยู่แก่นักธุรกิจไทย และหมุนเวียนอยู่ในประเทศไทย
ไม่ใช่ไหลกลับไปที่เขาหมดหรือเกือบหมด อย่างที่เรียกกันว่า “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” สมัยก่อน
ลงท้ายประเทศไทยแทบไม่ได้อะไรเลย แถมยังต้องมาจ่ายเงินค่าทำนุบำรุงทรัพยากรท่องเที่ยวต่างๆ ที่สูญเสียไปจากการแห่มาเที่ยวของนักท่องเที่ยวจำนวนมากเสียอีกด้วยซํ้า
ไหนๆ เราก็จะเริ่มเกิดใหม่ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวใหม่ 141 คน (รวม 2 ชุด) ที่ว่านี้แล้ว…ขอให้เป็นการเริ่มต้น “ชีวิตใหม่” สำหรับธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทยเสียด้วยเลยนะครับ ท่านผู้ว่าครับ.
“ซูม”