ผมเขียนต้นฉบับวันนี้เมื่อบ่ายแก่ๆ ของวันจันทร์ที่ผ่านมาครับ เหตุที่ต้องระบุวันและเวลาไว้ก็เพราะสถานการณ์ของเรื่องที่ผมจะเขียนถึงนั้นเปลี่ยนแปลงเร็วมาก เลยต้องเขียนเป็นเชิงออกตัวไว้ก่อนว่าเขียนเมื่อนั่นนะ เมื่อนี่นะ…เผื่อไว้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาจริงๆ ข้อเขียนจะได้ไม่เชยจนเกินไปว่างั้นเถอะ
ขณะที่ผมลงมือเขียนนั้น เว็บไซต์ของ ศบค. แถลงข้อมูลสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันที่ 24 สิงหาคม ไว้ว่ามีผู้ป่วยใหม่จำนวน 2 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากอินเดีย 1 ราย และกาตาร์ 1 ราย พบในสถานกักกันโรคทั้งคู่
แปลความตามท้องเรื่องได้ว่าไม่มีการติดเชื้อหรือเผยแพร่เชื้อในประเทศไทยเราติดต่อกันเป็นวันที่ 91 เข้าไปแล้ว
โดยข้อเท็จจริงในช่วงหลังๆ นี้ ทาง ศบค. มักจะไม่บอกว่าปลอดเชื้อในประเทศหรือเชื้อในประเทศเป็นศูนย์ติดต่อกันเท่านั้น เท่านี้วันอย่างที่เคยแถลงไว้ในช่วงก่อนๆ
เผอิญผมจดเอาไว้ครั้งล่าสุดที่ท่านแถลง จากนั้นผมก็ใช้วิธีนับต่อมาเรื่อยๆ จนถึงเมื่อวันจันทร์ที่ 24 ส.ค. ปรากฏว่า 91 วันพอดิบพอดี
สมมติว่าตัวเลขนี้ถูกต้องก็นับว่าสถิติของเรายังแพ้ นิวซีแลนด์ที่เคยทำไว้ถึง 102 วัน ในการไม่พบเชื้อของบุคคลในประเทศ เพียงแค่ 11 วันเท่านั้น
ถ้าวันอังคารถัดมาเป็นศูนย์ และวันนี้ (26 ส.ค.) ขณะที่ท่านผู้อ่านอ่านคอลัมน์ผมก็เป็นศูนย์อีกจะทำให้เราแพ้นิวซีแลนด์แค่ 9 วันเท่านั้นเอง
ใกล้เข้ามาทุกขณะแล้วนะครับเนี่ย
จริงๆ แล้วยังมีสถิติของอีกประเทศหนึ่งที่ผมลืมเขียนถึงไปเสียสนิทในการเขียนครั้งที่แล้วก็คือ ประเทศ เวียดนาม เพื่อนบ้านเรือนเคียงร่วม อาเซียน เรานี่แหละ
เวียดนามทำสถิตไร้เชื้อในประเทศไว้ 99 วันครับ มาโป๊ะแตกเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ดานังอย่างที่เป็นข่าวคราว แต่เขาก็สามารถควบคุมเอาไว้อยู่ ทุกวันนี้ยังมีบ้างเพียงวันละ 2-3 รายเท่านั้น
ดังนั้น ถ้าเราเทียบกับเวียดนามด้วย ก็หมายความว่าเรายังแพ้เขาอยู่แค่ 6 วัน (นับถึงวันนี้)…เพราะฉะนั้นถ้าจะลุ้นเอาชนะเวียดนาม (นาน 99 วัน) เสียก่อน แล้วค่อยเอาชนะนิวซีแลนด์ (นาน 102 วัน) เพื่อความตื่นเต้นอีกเล็กๆ น้อยๆ ก็เชิญนะครับ
ว่าไปแล้วของเราก็เกือบจะโป๊ะแตกไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมาอยู่เหมือนกัน เมื่อผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี แถลงข่าวว่าโรงพยาบาลของท่านพบคนไข้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่ 2 ราย
เป็นผู้ติดเชื้อที่กลับจากต่างประเทศผ่านการกักตัว 14 วันแล้วไม่มีอาการ จึงออกมาใช้ชีวิตตามปกติ เพิ่งมาพบเชื้อเมื่อทั้ง 2 จะขอเดินทางไปต่างประเทศอีกหน จึงมาให้โรงพยาบาลตรวจเพื่อออกใบรับรองก็เลยเจอเข้าให้อย่างว่า
เล่นเอาสะดุ้งกันไปทั้งเมืองว่า เกิดการระบาดรอบ 2 ขึ้นแล้วหรือไร?
ต่อมาก็มีการแถลงใหม่ว่า 1 รายของผู้พบเชื้อที่ว่าเป็นซากเชื้อไม่สามารถระบาดได้ ส่วนอีกรายก็เป็นเชื้ออ่อนๆ ที่ไม่น่าจะระบาดได้เช่นกัน แต่ก็ขอเวลาที่จะลงไปสอบสวนโรค โดยการตรวจเชื้อผู้ใกล้ชิดทั้ง 2 ราย ใน 2 จังหวัดที่เกี่ยวข้องเสียก่อน
ปรากฏว่าผลการตรวจเชื้อผู้ใกล้ชิด 20-30 ราย ได้กระมัง เป็นลบทั้งหมด…ก็เลยสรุปกันว่าบ้านเรายังไม่มีการระบาดรอบ 2 และยังคงถือว่าไม่มีการติดเชื้อใหม่ในประเทศต่อไป
เพราะทั้ง 2 รายที่ว่าติดเชื้อมาจากต่างประเทศทั้งคู่ และก็ยังมิได้แพร่เชื้อให้คนอื่นๆ ในประเทศแต่อย่างใด
เป็นเหตุให้ผมยังคงนับวันปลอดการติดเชื้อในประเทศเรื่อยมาจนถึงวันนี้ และยังคงลุ้นในขณะนี้ว่าอีก 6 วันเราจะตีเสมอเวียดนามและอีก 9 วันเราจะตีเสมอนิวซีแลนด์ดังกล่าว
รวมทั้งถ้าเกิน 10 วันขึ้นไป เราจะทำสถิติใหม่ของโลกคือ ปลอดเชื้อโควิดในประเทศยาวนานที่สุด เอาชนะได้ทั้งเวียดนามและนิวซีแลนด์ที่เคยครองแชมป์มาก่อนอย่างเด็ดขาด
ฉะนั้น ก็ขอเชิญชวนให้สวมหน้ากากอนามัยต่อไป ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่ ด้วยเจลหรือแอลกอฮอล์ต่อไป รวมทั้งขอให้ช่วยกันรักษาระยะห่างทางสังคมเท่าที่จะรักษาได้กันต่อไป ฯลฯ
โอกาสเป็น “แชมป์โลก” ปลอดการแพร่เชื้อโควิด-19 ระบาดภายในประเทศยาวนานที่สุดอยู่แค่เอื้อมแล้วนะครับเนี่ย.
“ซูม”