วันนี้ (12 สิงหาคม 2563) เป็นวันสำคัญที่สุดวันหนึ่งของปวงชนชาวไทย ผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และเทิดทูนไว้เหนือเกล้าฯเหนือชีวิต เพราะเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้แก่ประเทศชาติ
ขณะเดียวกัน นับตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2519 เป็นต้นมา รัฐบาลไทยได้กำหนดให้วันนี้เป็น “วันแม่แห่งชาติ” ด้วย เพื่อให้ประชาชนทุกหมู่เหล่ารำลึกพระมหากรุณาธิคุณของ “แม่แห่งแผ่นดิน” และรำลึกถึง “พระคุณ” ของ “แม่” ผู้ให้กำเนิดแก่คนไทยทุกคนไปด้วยพร้อมๆกัน
นับเป็นเวลา 44 ปีแล้วที่ประชาชนชาวไทยได้ถือปฏิบัติและให้ความสำคัญแก่ “แม่” ทั้ง 2 โดยตลอด…อาทิ สำหรับ “แม่แห่งแผ่นดิน” อันเป็นที่เคารพและเทิดทูนอย่างที่สุดนั้น ปวงชนชาวไทยต่างเตรียมตัวที่จะเข้าร่วมในพิธีเฉลิมฉลองที่จัดขึ้นทั้งโดยทางราชการและภาคเอกชน ตลอดจนองค์กรประชาชนต่างๆ ในวันนี้
ทุกคนจะพร้อมใจกันสวมเสื้อสีฟ้าและรอคอยที่จะร่วมในพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัย ซึ่งมีพิธีใหญ่เป็นศูนย์รวม ณ ท้องสนามหลวงและมี การถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ ซึ่งประชาชนชาวไทยก็จะออกมาชุมนุมตามสถานที่ที่จัดไว้ในหมู่บ้าน ตำบล หรือศูนย์การค้า หรือแม้แต่ในบ้านเรือน เคหสถานตนเอง เพื่อร่วมจุดเทียนและเปล่งเสียงถวายพระพรชัยมงคล อย่างกึกก้องไปพร้อมๆ กัน
พระมหากรุณาธิคุณของ “แม่แห่งแผ่นดิน” สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง นั้น เป็นที่ประจักษ์ อยู่ในดวงใจของพี่น้องชาวไทยทุกหมู่เหล่ามาโดยตลอด เพราะทรงเป็น พระมหาราชินี ที่เสด็จเคียงข้างพระราชา “พ่อแห่งแผ่นดิน” ในหลวงรัชกาลที่ 9 ไปทุกแห่งหนของประเทศไทย
อีกทั้งโดยส่วนพระองค์เอง ก็ได้พระราชทานโครงการในพระราชดำริช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้จนเป็นที่ประจักษ์และโจษขานไปทั่วโลก ด้วยการนำพี่น้องชาวไทยที่ยากจนข้นแค้นในชนบทห่างไกลมาฝึกและร่ำเรียนศิลปะไทยต่างๆ กับ มูลนิธิศิลปาชีพฯ จนกลายเป็นช่างฝีมือสามารถผลิตสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ไทย ออกจำหน่ายเลี้ยงชีพ มีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในทุกวันนี้
นอกจากด้านศิลปาชีพ งานอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะ “โขน” ซึ่งเป็นศิลปะชั้นสูงของไทยที่ทรงอนุรักษ์และส่งเสริมมาโดยตลอดแล้ว ยังมีพระมหากรุณาธิคุณในด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นที่ประจักษ์ของชาวโลกด้วยเช่นกัน
เช่น โครงการป่ารักษ์นํ้า โครงการปลูกป่าเพื่อดูแลรักษาต้นนํ้าและธรรมชาติ รวมทั้งโครงการด้านอนุรักษ์สัตว์ป่า ฯลฯ เป็นต้น
เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงเจริญพระชนมพรรษา 88 พรรษาในวันนี้ ผมจึงใคร่ขอเชิญชวนพสกนิกรชาวไทยร่วมในกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติต่างๆ ที่จัดขึ้นทั่วประเทศ และร่วมในพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัย เวลา 19.19 น. ณ ท้องสนามหลวงอย่างพร้อมเพรียงกัน
หรือร่วมเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ในเคหสถานของแต่ละท่านดังที่ปฏิบัติกันมาในกรณีที่ไม่สามารถเดินทางไปท้องสนามหลวง หรือในสถานที่สำหรับถวายพระพรที่ส่วนราชการ หรือภาคเอกชนจัดไว้
สำหรับการรำลึกถึง “พระคุณแม่” ของพวกเราโดยทั่วไปนั้น ก็สามารถที่จะดำเนินการควบคู่ไปได้ และโดยธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมา บรรดาลูกๆ ทั้งหลายมักจะนัดกันไปกราบเท้า “แม่” ตั้งแต่เช้า และบางครอบครัวก็มีการจัดเลี้ยงให้แม่ในมื้อเที่ยง หรือมื้อเย็น โดยรวมสมาชิกในครอบครัวเท่าที่จะมาร่วมได้อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
การแสดงออกด้วยวิธีใดก็ตามที่บ่งบอกถึงความรัก ความสำนึกในพระคุณแม่ เป็นวิถีปฏิบัติที่คนไทยปฏิบัติอย่างกว้างขวางในวันนี้ โดยเฉพาะในยุคการสื่อสารทันสมัย สามารถแสดงความรัก ความเคารพผ่านออนไลน์ได้ ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ลูกๆ ชาวไทยทั้งหลายปฏิบัติกันอยู่อย่างแพร่หลาย
ครับ! ด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญของวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่ผมจะมอบเนื้อที่เต็มคอลัมน์เพื่อเขียนถึง “แม่แห่งแผ่นดิน” และ “แม่ของเรา” โดยไม่ว่างเว้นแม้แต่ปีเดียว นับแต่มีโอกาสได้เขียนคอลัมน์ในไทยรัฐมากว่า 40 ปีเช่นกัน
ผมจึงขอเชิญชวนท่านผู้อ่านทุกท่านอีกครั้งให้พร้อมใจกันถวายพระพรชัยมงคลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อันเป็นที่เคารพและเทิดทูนยิ่ง
พร้อมๆ กับการแวะไปกราบเท้า “แม่” ของท่านผู้อ่านถ้ามีโอกาส หรือไม่ก็แสดงออกอย่างใดอย่างหนึ่งให้ท่านรู้สึกปลาบปลื้มว่าเรายังรัก เคารพและระลึกถึงพระคุณของท่านตลอดเวลาโดยไม่มีเสื่อมคลาย.
“ซูม”