จากวันนี้ (อาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม 2563) ก็ เหลืออีกเพียง 3 วันเท่านั้น จะถึงวันเฉลิม พระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันที่ 12 สิงหาคมนี้
พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อพสกนิกรชาวไทยนั้นมากมายมหาศาลสุดที่จะพรรณนาได้ และหนึ่งในพระมหากรุณาธิคุณที่นำมาซึ่งความภาคภูมิใจของปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ก็คือทรงก่อตั้ง มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ขึ้นเพื่ออนุรักษ์ฟื้นฟูและสืบสานศิลปะ วัฒนธรรมไทย อันยิ่งใหญ่ให้ยั่งยืนสืบต่อไป
พระองค์มีพระราชดำรัสว่าทรงเชื่อมั่นในฝีมือของชาวชนบทไทย ซึ่งหากได้นำเขาเหล่านั้นมาฝึกมาสอนก็จะสามารถพัฒนาฝีมือด้านศิลปะ ต่างๆ ได้ เพราะมีความเป็นศิลปินอยู่ในสายเลือดแทบจะทุกคนไป
ดังนั้น เมื่อทรงก่อตั้งมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ขึ้นแล้ว จึงทรงเปิดโอกาสให้พี่น้องชาวชนบทที่ยากจนเข้ามาฝึกฝนฝีมือช่างศิลปะแบบไทยๆ ต่างๆ กับมูลนิธิฯ จนในที่สุดพี่น้องเหล่านี้จำนวนมากได้กลายเป็นช่างฝีมือยอดเยี่ยมสามารถแกะสลักถักทอและวาดภาพระบายสีผลิตงาน “ศิลปะ” ต่างๆ ที่สามารถนำออกจำหน่าย ในเชิงพาณิชย์ได้ และหลายๆ ชิ้นก็ได้กลายเป็น งานศิลปะอันยิ่งใหญ่ของแผ่นดินอย่างคาดไม่ถึง
เมื่อหลายปีก่อน สถาบันสิริกิติ์ ได้นำงานฝีมือของช่างชนบทเหล่านี้ไปจัดแสดงใน พระที่นั่งอนันตสมาคม เรียกว่า “งานศิลป์แผ่นดิน” ได้รับ ความสนใจจากประชาชนชาวไทย และนักท่องเที่ยวที่เข้าชมอย่างล้นหลาม
ดังนั้นเพื่อให้การจัดแสดง งานศิลป์แผ่นดิน ดังกล่าวเป็นไปอย่างต่อเนื่องเป็นการถาวร สถาบันสิริกิติ์ จึงมีดำริที่จะจัดสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ขึ้นเป็นการเฉพาะ ณ ตำบลเกาะเกิด อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พร้อมกับนำงานศิลป์แผ่นดินทรงคุณค่าทุกชิ้นไปตั้งแสดงไว้ ภายในอาคารขนาดใหญ่ ที่สร้างขึ้น ณ ตำบลนี้
ทีมงานซอกแซกเพิ่งมีโอกาสแวะไปชมเมื่อช่วงปลายเดือนนี่เอง ทำให้ทราบว่านอกจากจะนำงาน “ศิลป์แผ่นดิน” อันยิ่งใหญ่ที่เคยแสดง ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม มาแสดงไว้ในอาคารพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นใหม่ และติดแอร์เย็นฉ่ำแห่งนี้แล้ว ยังมีการสร้างอาคารขึ้นในบริเวณไม่ไกลนักอีก 1 หลัง สำหรับการรวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับ “โขน” ตั้งชื่อว่าอาคาร “เรียนรู้เรื่องโขน” ขึ้นอีกแห่งหนึ่งด้วย
เรามาเริ่มต้นที่ พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน กันก่อน…โดยเริ่มจากชั้นล่างสุดที่ห้อง “ปีกแมลงทับ” หรือห้องที่แสดงการตกแต่งแผ่นไม้แกะสลัก ตลอดจนเครื่องใช้ไม้สอยและถนิมพิมพาภรณ์ ด้วยปีกอันเป็นสีเขียวมรกตของแมลงทับ สวยงาม จับตา จับใจเหลือเกิน มรดก ทางปัญญาของบรรพบุรุษไทยมาแต่โบราณกาล
จากนั้นก็จะเป็นห้อง โถงแสดงการลงยาสีทั้งสีทองและสีต่างๆ สำหรับเรือพระ ที่นั่งสุพรรณหงส์จำลอง และเรืออื่นๆ สวยสดงดงามอย่างบอกไม่ถูก
รวมทั้งที่เป็นจุดเด่นและถือเป็นสุดยอดฝีมือแห่งศิลปะ คือ งาน “แกะสลักไม้” เรื่อง สังข์ทอง และ ป่าหิมพานต์ อันสุดตระการตา บนแผ่นไม้ขนาดใหญ่กลางห้องโถงชั้นล่าง
สำหรับชั้น 2 จะเป็นงานปักเส้นไหมโบราณขนาดใหญ่ งานคร่ำ งานสานย่านลิเภา และงาน เครื่องประดับนานาชนิด
จุดเด่นที่สุดของชั้น 2 ก็คือฉากปักไหมเรื่อง “อิเหนา” ขนาดใหญ่เหมือนจอภาพยนตร์จอหนึ่ง โดยจะมีการปักไหมน้อยไว้ทั้ง 2 ด้าน นอกจากเรื่องอิเหนาแล้วก็ยังเป็นเรื่องราวของ ป่าหิมพานต์ อีกด้านหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมีบุษบกจำลอง พระที่นั่งพุดตานจำลองคร่ำทอง จำลองแบบมาจากพระที่นั่ง พุดตาน จำหลักไม้ในพระบรมมหาราชวังได้อย่างเสมือนจริง
ที่สำคัญยังมีงานชิ้นเล็กชิ้นน้อยฝีมือชาวนาชาวไร่ ที่ผ่านการฝึกฝนจนกลายเป็นช่างฝีมือด้านศิลปะไทยอันยอดเยี่ยมมาให้ดูอีกหลายชิ้น
จบจากการชม พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน แล้ว ทีมงานซอกแซกก็ขึ้นรถพ่วงมุ่งหน้าไปที่อาคาร เรียนรู้เรื่องโขน ดังที่เกริ่นไว้
ขอแนะนำว่า ต้องไปชมให้ได้นะครับ เพราะจะทำให้การเดินทางมาเยี่ยม พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน ของท่านผู้อ่านสมบูรณ์ครบถ้วน
ท่านผู้อ่านคงทราบแล้วว่าทุกๆ ปีจะมีการแสดงโขนครั้งยิ่งใหญ่ที่เรียกว่า “โขนศิลปาชีพ” ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยดังเช่นปีที่แล้ว ก็มีการแสดงในชุด “สืบมรรคา” อันสุดแสนประทับใจอย่างยิ่ง
ที่อาคารแห่งนี้เปรียบเสมือนอาคารที่อยู่เบื้องหลังการแสดง หรือกล่าวเป็นสำนวนได้ว่า “เบื้องหลังการถ่ายทำ” ของโขนศิลปาชีพชุดต่างๆ นั่นเอง
นอกจากจะได้เรียนรู้ถึงความเป็นมาของโขนไทย และได้เรียนรู้การประดิดประดอยเครื่องแต่งกายโขนตลอดจนหัวโขนต่างๆ แล้ว…ผู้เข้าชมยังจะได้เห็นตัวอย่างของ ฉาก อันอลังการที่เคยใช้แสดงที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยใน หลายๆ ฉาก
อาทิ ท้องพระโรงกรุงลงกา, พลับพลาประทับพระรามพระลักษณ์, หนุมานเนรมิตกายเป็นลิงยักษ์ตัวมหึมา และใบหน้าของหนุมานที่อ้าปากกว้างอมพลับพลาได้ทั้งหลังในศึกไมยราพ เป็นต้น
ได้รัวกล้องมือถือกันไม่ยั้งแน่นอนในห้องโถงที่ใช้แสดงฉากต่างๆ เหล่านี้
ค่าเข้าชม พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน ราคา 150 บาท เด็กนักเรียนและผู้สูงอายุ 75 บาท ส่วน ค่าเข้าชมอาคารเรียนรู้เรื่องโขนก็ราคา 150 บาท เท่ากัน และเด็กนักเรียนหรือผู้สูงอายุจะได้ลดราคากึ่งหนึ่งเช่นกัน
เวลาทำการก็คือ 10.00-15.30 น. พุธ ถึงอาทิตย์ โดยจะปิดทำการวันจันทร์วันอังคารและในเทศกาลปีใหม่กับสงกรานต์เท่านั้น
เส้นทางสะดวกที่สุดขึ้นทางด่วนไปลงบางไทรแล้วเปิดกูเกิลแม็ปเสิร์ชไปที่ พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน เกาะเกิด รับรองไปถึงได้เพียงแผล็บเดียว และรวมแล้วไม่เกิน 45 นาที จากแจ้งวัฒนะ
อย่าลืมแวะไปสักครั้งนะครับ แล้วคุณจะภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่เกิดมาเป็นคนไทย.
“ซูม”