จากกันด้วยดีไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับ “4 กุมาร” อันหมายถึงอดีต รมว.คลัง อุตตม สาวนายน, อดีต รมว.พลังงาน สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, อดีต รมว.การอุดมศึกษาฯ สุวิทย์ เมษินทรีย์ และอดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กอบศักดิ์ ภูตระกูล
หลังจากไปยื่นใบลาออกจากตำแหน่งที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา พร้อมกับนำใบลาออกของหัวหน้าทีม 4 กุมาร ไม่ทราบว่าจะเรียก “พระฤาษี” หรืออะไรดี ท่านอดีตรองนายกรัฐมนตรี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งอยู่ที่จังหวัดชุมพรไปยื่นด้วย
ทำให้ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี 3 กระทรวงสำคัญว่างลงในทันที
กลายเป็นคำถามใหญ่ทางการเมืองในขณะนี้ว่า บิ๊กตู่จะหาคนดีมีฝีมือทางด้านเศรษฐกิจที่ประชาชนได้ยินชื่อแล้วไม่ร้องยี้มาแทนท่านเหล่านี้ได้หรือไม่?
รวมทั้งจะถือโอกาสปรับคณะรัฐมนตรีแบบปรับใหญ่ไปด้วยหรือไม่? และจะปรับเมื่อไร?
สรุปคำตอบเท่าที่บิ๊กตู่ตอบหนังสือพิมพ์น่าจะเป็นว่า…1.จะปรับเท่าที่ จำเป็น แปลว่าไม่ใช่ปรับใหญ่ 2.จะปรับให้เร็วที่สุด ไม่เกินเดือนสิงหาคม
และ 3.ท่านได้ทาบทามคนดีมีฝีมือด้านเศรษฐกิจไปแล้วจำนวนหนึ่ง…ปฏิเสธเรียบร้อยจำนวนหนึ่ง…อยู่ระหว่างรอคำตอบจำนวนหนึ่ง
เฉพาะรายชื่อที่รอคำตอบหนังสือพิมพ์พูดถึงคุณ ปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย และคุณ ไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีตรัฐมนตรีช่วยหลายกระทรวง แต่อดีตที่สำคัญยิ่งและถือเป็นเครื่องหมายการค้าประจำตัวท่านคือ อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
เป็น 2 รายชื่อที่สำหรับผมแล้วถือว่ารับได้ครับ หวังว่าทั้ง 2 ท่าน จะตอบรับโดยเร็ว เพื่อให้การปรับคณะรัฐมนตรีเกิดขึ้นโดยไม่ทิ้งเวลาให้เกิดช่องว่างนานเกินไปนัก
ยังขาดก็แต่รายชื่อในระดับที่จะมาเป็น “อีโคโนมิกซาร์ (Economic Czar)” หรือขุนพลใหญ่กำกับด้านเศรษฐกิจแทน ดร.สมคิด เท่านั้น เพราะผู้ที่มีบารมีเหมาะสมที่จะเป็นได้คือ ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ท่านปฏิเสธเรียบร้อย โดยให้เหตุผลครอบครัวไม่อนุญาต
อย่างไรก็ตาม บิ๊กตู่ท่านบอกแล้วว่า ถ้าหาไม่ได้ท่านก็จะเป็นเอง เพราะยังไงๆ ท่านก็คือ “ประธาน” ครม.เศรษฐกิจอยู่แล้ว
ผมภาวนาให้หาได้ในที่สุดนะครับ เพื่อความสมบูรณ์ของการจัดทัพเพื่อสู้สงครามเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยเผชิญมา
แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ หรือไม่มีคนยอมมาจริงๆ ผมก็ใคร่ถือโอกาสนี้ ขอร้องท่านที่อยู่ใน คณะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ (ที่บิ๊กตู่เพิ่งเรียกประชุมไปเมื่อเร็วๆ นี้)…ว่า
ขอให้มีการประชุมบ่อยๆ เท่าที่จะนัดประชุมกันได้ และได้โปรด แสดงความคิดความเห็นของท่านอย่างเต็มที่
บิ๊กตู่บอกแล้วว่าจะฟังพวกท่านนำความเห็นและข้อเสนอแนะของท่านไปสมาส ไปสนธิ และไปบูรณาการกับความเห็นและข้อเสนอแนะของผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อนำมาแก้ปัญหาชาติในที่สุด
วิธีนี้อาจจะทำให้การตัดสินใจแก้ปัญหาเศรษฐกิจล่าช้าไปบ้าง ไม่เหมือนกับรัฐบาลที่มีขุนพลทางเศรษฐกิจ หรือ “อีโคโนมิกซาร์” อันเข้มแข็งที่จะตัดสินใจได้เร็วกว่า
แต่ข้อดีของการบริหารแบบ “ฟังรอบด้าน” แล้วประสานนำสิ่งที่ดี ที่สุดออกมาปฏิบัติก็คือ การตัดสินใจต่างๆ มักถูกต้องกว่า เข้าทำนองช้า แต่ได้พร้าเล่มงาม ตามภาษิตไทย
อย่างที่ผมแสดงความเห็นไว้หลายครั้ง ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลยจะดีที่สุด เพราะเรากำลังจะกระโจนเข้าสู่ภาวะสงครามเศรษฐกิจที่หนักที่สุด…ฉะนั้น ความเป็นปึกแผ่นของรัฐบาลจึงสำคัญอย่างมาก
แต่เมื่อนักการเมืองบางหมู่ บางเหล่า และยังมีโลภะ + โมหะทางการเมือง ทำให้เกิดสถานการณ์ที่จะต้องเปลี่ยนแปลง ก็ต้องว่ากันไปตามกฎกติกาของบ้านเมืองในขณะนี้
ถ้าเปลี่ยนแล้วได้มา 2 ท่านหลักๆ เท่าที่เป็นข่าว และขอให้บิ๊กตู่บริหารแบบ “นิวนอร์มอล” ให้ได้จริงอย่างที่ท่านให้สัญญาไว้
แม้จะไม่ดีที่สุด แต่ก็คงไม่เลวที่สุดละครับสำหรับการเตรียมรับสถานการณ์เศรษฐกิจที่จะเริ่มทรุดลงเรื่อยๆ จากนี้เป็นต้นไป.
“ซูม”