จากเหตุการณ์การจับกุมนายจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสี วัย 46 ปี พนักงานรักษาความปลอดภัยร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในฐานะผู้ต้องสงสัยใช้ธนบัตรปลอมมูลค่า 20 ดอลลาร์ เมื่อวันจันทร์ที่ 25 พ.ค. ตามเวลาท้องถิ่นรัฐมินเนโซตา
และตำรวจได้ใช้เข่ากดคอขณะจับกุม ทำให้นายนายจอร์จ ฟลอยด์เสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งตำรวจทั้ง 4 นายก็ได้ถูกไล่ออก และถูกดำเนินคดีอาญาไปแล้ว
เหตุการณ์ดังกล่าวก็บานปลายไปจนถึงขั้นมีผู้ประท้วงและเผาสถานที่ต่างๆ ในเมืองมินนิอาโปลิส รัฐมินนิโซตา และเมืองอื่นๆ อีกหลายเมือง เช่น นครลอสแอนเจลิส, เมืองเมมฟิส, เมืองแอตแลนต้า, เมืองชาลอต, เมืองหลุยส์วิลล์ (รัฐเคนตั๊กกี้) และมหานครนิวยอร์ก เป็นต้น
ที่เมืองมินนิอาโปลิส และเมือง เซนต์ พอลล์ รัฐมินนิโซตา ได้ประกาศเคอร์ฟิว เพื่อความปลอดภัยของผู้คนและทรัพย์สิน ในช่วงสุดสัปดาห์นี้เริ่มตั้งแต่เวลา 2 ทุ่ม ถึง 6 โมงเช้า เป็นเวลา 3 วัน เริ่มตั้งแต่วันศุกร์เป็นต้นไป
ส่วนสถานการณ์ที่เมืองอื่นๆ ก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เช่นที่เมืองแอตแลนต้า ผู้ประท้วงก็ได้ไปปิดถนนหน้าสำนักงานใหญ่ของสำนักข่าว CNN ทุบกระจก โยนระเบิดควันใส่ตำรวจที่รักษาการอยู่ในตึก CNN นอกจากนี้ยังมีรถยนต์ 2 คันถูกเผาบริเวณสวนสาธารณะ Centennial Olympic Park ใกล้ๆ กับสำนักงานใหญ่ CNN เช่นกัน
ที่เมืองชาลอต รัฐนอร์ธ แครอไลน่า ทางตำรวจก็ได้มีการยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ประท้วง เพื่อสลายการชุมนุม
ที่เมืองซาน โฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย ก็ได้มีผู้ประท้วงไปปิดถนน 101 Freeway และทุบกระจกรถตำรวจ ทำให้รถติดยาว
ที่มหานครนิวยอร์ก มีผู้ชุมนุมไปประท้วงที่หน้าสนาม Barclays Center สนามบาสเกตบอลของทีม Brooklyn Nets ในเขตบรู๊คลิน ที่นี่ผู้ชุมนุมก็มีการขว้างปาแก้ว และขวดน้ำ ใส่ตำรวจเช่นกัน
การประท้วงในครั้งนี้ไม่ใช่ปัญหาแค่ในเฉพาะในเมืองมินนิอาโปลิส ตอนนี้ได้กลายเป็นปัญหาระดับชาติไปแล้ว
ทีมงานซอกแซก