ตรวจแถว “นักรบภาคเอกชน” ระดับ “ขุนพล” ส่วนใหญ่อยู่ครบ

เมื่อวานนี้ผมสำรวจกำลังรบที่จะทำหน้าที่กอบกู้เศรษฐกิจหลังโควิด-19 ภาครัฐไปอย่างคร่าวๆ พบว่าจะมีมือดีระดับ “แม่ทัพ” พ้นจากตำแหน่ง เพราะเกษียณบ้าง ด้วยเหตุอื่นบ้าง หลายราย ทำให้เป็นห่วงว่ากำลังรบภาคราชการอาจจะย่อหย่อนลงไปบ้าง

แต่ผมก็ยังหวังว่า “กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี” ฉันใด “กรุงรัตนโกสินทร์ก็ย่อมไม่สิ้นคนดี” ฉันนั้น…คงจะมีขุนพลรุ่นใหม่มารับไม้ต่อได้อย่างเหมาะสม จนสามารถสู้ศึกเศรษฐกิจถดถอยจากการก่อกวนของโควิด-19 ได้ในที่สุด

วันนี้ลองมาดูกำลังรบของภาคเอกชนบ้างครับ ซึ่งส่วนใหญ่ผม ใช้วิธีอ่านจากหนังสือพิมพ์ และพบว่าขุนพลหลายๆ ท่านยังอยู่ครบครัน

ภาคเอกชนจะได้เปรียบภาครัฐอยู่อย่างตรงที่ไม่มีเรื่องการเกษียณอายุเป็นกฎตายตัว…ทำให้หลายๆองค์กรภาคเอกชนสามารถเก็บรักษาขุนพลหรือแม่ทัพเก่งๆ เอาไว้ใช้ได้อย่างยาวนานจนถึงอายุ 70-80 ก็มีอยู่มาก

โดยเฉพาะบริษัทใหญ่ๆ ดังๆ ระดับเก่าแก่ ประธานใหญ่ หรือแม่ทัพใหญ่ก็มักจะเป็นตัวเถ้าแก่ที่ก่อร่างสร้างธุรกิจนั้นๆ มาด้วยตัวเอง

ดังเช่น บริษัทในเครือซีพี อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภาคเอกชน ก็ยังมีเจ้าสัว ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานใหญ่ เป็นผู้ตอบจดหมายว่าซีพีจะช่วยอะไรประเทศชาติบ้างไปถึงบิ๊กตู่ด้วยตนเอง แถมยังออกมาให้สัมภาษณ์สื่อ แนะนำกลยุทธ์การฟื้นฟูเศรษฐกิจชาติบ่อยๆ ครั้ง

นอกจากธุรกิจดั้งเดิมด้านการเกษตรของซีพีเองแล้ว ระยะหลังๆ ยังแผ่ขยายอาณาจักรไปด้านการสื่อสารคมนาคม รวมทั้งยังประมูลโครงการ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ไปได้อีกด้วย

โครงการนี้ใหญ่มาก และน่าจะเหนื่อยมากเมื่อมองไปข้างหน้า เพราะธุรกิจการบินก็แย่ การท่องเที่ยวระดับนานาชาติก็น่าจะซึมไปอีกหลายปี

แต่ท่านยังพร้อมที่จะสู้ ต้องปรบมือดังๆให้เลยครับ

สำหรับท่านเจ้าสัว เจริญ สิริวัฒนภักดี ไม่ค่อยให้สัมภาษณ์บ่อยนัก แต่จากการติดตามข่าวคราว ก็พอจะทราบว่าธุรกิจในเครือข่ายของท่าน ซึ่งยุคนี้ก็มีมากมายหลายธุรกิจเช่นกัน จะเดินหน้าต่อไป

รวมไปถึงกลุ่ม เซ็นทรัล กลุ่ม เดอะมอลล์ กลุ่ม สยามพิวรรธน์ ยักษ์ใหญ่สรรพสินค้าที่พร้อมสู้เช่นกัน เห็นได้จากการทุ่มเทการลงทุนใหม่ใช้เงินเยอะพอสมควร ปรับปรุงห้างและร้านค้าต่างๆ ต้อนรับภาวะ “นิวนอร์มอล” ของลูกค้าหลังวิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้

ลองไปสำรวจธนาคารต่างๆ ดูบ้าง ก็จะเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่ ธนาคารกสิกรไทย เมื่อแม่ทัพใหญ่ คุณ บัณฑูร ลํ่าซำ ตัดสินใจก้าวลงจากตำแหน่งประธาน เพื่อที่จะหลบไปทำงานในโครงการ “น่าน แซนด์บ็อกซ์” ที่จะเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติในอีกรูปแบบหนึ่ง

คุณบัณฑูรให้สัมภาษณ์ผมไว้ว่า ไม่ต้องห่วงเพราะท่านทดสอบจนมั่นใจแล้วว่า แม่ทัพคนใหม่ของแบงก์ แม้จะเป็นสุภาพสตรี แต่ก็มีฝีไม้ลายมือที่ไม่เป็นสองรองใคร

อีกธนาคารหนึ่งที่เป็นข่าวใหญ่ในช่วงนี้ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ นั่นเอง หนังสือพิมพ์ทุกฉบับลงข่าวว่า คุณ ชาติศิริ โสภณพนิช ซึ่งยังคงนั่งอยู่ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ เพิ่งจะฉลองความสำเร็จในการซื้อ ธนาคารพีที เพอร์มาตา ธนาคารใหญ่อันดับ 12 ของอินโดนีเซียได้อย่างสมบูรณ์แบบเมื่อเร็วๆ นี้

ทำให้ธนาคารกรุงเทพสามารถแผ่ขยายเครือข่ายเข้าสู่อินโดนีเซียประเทศที่มีอนาคตไกลอีกประเทศหนึ่งของอาเซียนได้อย่างเต็มตัว

ในส่วนของธนาคารอื่นๆ เท่าที่ติดตามข่าวคราว ส่วนใหญ่ผู้บริหารยังเป็นคนเดิมๆ ที่มีความชำนาญและมีความพร้อมที่จะเป็น “แหล่งเงิน” ให้แก่นักลงทุนขนาดเล็กที่เรียกกันว่า SMEs ด้วยอัตราดอกเบี้ยตํ่า ดังที่รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดเป็นนโยบายไว้

ผมมีความเชื่อมั่นอยู่เสมอว่า “หัวใจที่พร้อมสู้” จะช่วยให้เรามีโอกาสคว้าชัยชนะมาครอบครองได้แล้วกว่าครึ่ง…ดังนั้น หากนักรบภาคเอกชนทุกท่านพร้อมที่จะสู้ดังที่หลายๆ ท่านให้สัมภาษณ์สื่อเอาไว้…

แม้ศึกครั้งนี้จะใหญ่หลวงเพียงใด และจะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าจะเผด็จศึกได้ แต่เราก็จะสามารถ “เผด็จ” มันได้ในที่สุด…

เป็นห่วงอยู่อย่างเดียว ก็เห็นจะเป็นนักรบทางด้านการเมืองเท่านั้น ที่ยังไม่เป็นโล้เป็นพาย ยังเล่นการเมืองแบบล้าหลัง 50 ปีก่อนอย่างไร… เดี๋ยวนี้ก็ยังล้าหลังอยู่อย่างนั้น

เป็นกำลังรบหน่วยเดียวของประเทศไทย ที่ผมห่วงที่สุดครับ ว่าถ้าเราจะแพ้ศึกครั้งนี้ ก็จะแพ้เพราะบรรดานักการเมืองนี่แหละ.

“ซูม”