น้ำเน่าสไตล์ “ทรัมป์” อันตรายต่อเศรษฐกิจโลก

เมื่อเย็นวันศุกร์ที่อเมริกา หรือเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา ตามเวลาบ้านเรา ตลาดหุ้นที่สหรัฐฯ ร่วงลงไปกราวใหญ่ โดยเฉพาะดาวโจนส์ร่วงไปถึง 622 จุด หรือ 2.55 เปอร์เซ็นต์ ไปปิดที่ 23,724 จุด

สำนักข่าวเกือบทุกสำนักรายงานตรงกันว่า นักลงทุนสหรัฐฯเทหุ้นทิ้งงวดนี้ นอกจากมาจากผลประกอบการของบริษัทใหญ่ๆ 2-3 บริษัท ที่ติดลบอย่างมากในไตรมาสแรก ยังมาจากคำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ว่าท่านอาจจะใช้มาตรการตั้งกำแพงภาษีกับจีนอีกครั้ง

เพื่อลงโทษรัฐบาลจีนในกรณีที่ล้มเหลวในการจัดการกับไวรัสโควิด-19 ทำความเสียหายแก่ชาวโลก รวมทั้งสหรัฐฯ เอง

ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะใช้วิธีการลงโทษจีนหลายๆ อย่าง รวมทั้งการ “ยกเลิก” หรือ “เบี้ยวหนี้” บางประการที่สหรัฐฯ มีอยู่กับจีน ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ระดับสูงในทำเนียบข่าวออกมาปฏิเสธข่าวนี้

ครั้นเมื่อนักข่าวนำมาถามทรัมป์ว่า จริงไหมจะไปเบี้ยวหนี้เขา คุณทรัมป์ตอบว่า การเล่นเกมแบบนั้นจะเป็นอันตรายไป เรามีวิธีอย่างอื่นที่ดีกว่า นั่นก็คือ การใช้กำแพงภาษีเล่นงานจีนโดยตรง

ซึ่งแปลว่าจะกลับไปสู่สงครามเศรษฐกิจกันอีกครั้งหลังโควิด-19…

ต้องยอมรับว่าช่วงหลังๆ นี้ ท่านประธานาธิบดีทรัมป์พยายามกล่าวโทษจีนบ่อยมาก พร้อมกับกล่าวโทษองค์การอนามัยโลกว่าเข้าข้างจีน ช่วยจีนปิดข่าว จนถึงขั้นประกาศตัดความช่วยเหลือ WHO อย่างที่เราทราบ

นักวิเคราะห์จำนวนมากเชื่อว่า ทั้งหมดนี้เป็นการหาเสียงเพื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายนนั่นเอง

เหตุเพราะผลงานในการแก้ปัญหาโควิด-19 ของท่านค่อนข้างแย่มาก คนอเมริกันติดเชื้อไปแล้ว 1 ล้านกว่าคน และเสียชีวิตไปแล้วเกือบ 70,000 คน ทำให้คะแนนนิยมของท่านหล่นฮวบลง

ย่อมมีความจำเป็นที่จะเรียกคะแนนคืน และวิธีที่ดีที่สุดก็คือ หันไปโทษจีนที่เป็นต้นกำเนิดของไวรัสว่าบริหารจัดการไม่ดี ทำให้ชาติอื่นๆ รวมทั้งสหรัฐฯ เสียหาย

การพูดแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่าของทรัมป์มีส่วนทำให้คนอเมริกันบางส่วนเชื่อ ดังจะเห็นได้จากการที่มีข่าวว่า จะมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐบาลจีนในบางรัฐที่อเมริกา และจากการสำรวจของโพลดังๆ ก็พบว่ากระแสความไม่ไว้ใจจีนช่วงนี้สูงขึ้นมาก และก็มาจากคนอเมริกันทั้ง 2 พรรค แม้แต่ดีโมแครตก็ยังมีกระแสด้วย

เมื่อเป็นเช่นนี้คุณทรัมป์จึงเดินหน้าใส่เกียร์ต่อโดยพยายามที่จะโยนความผิดให้จีน เพื่อกลบข้อผิดพลาดของตนเอง

ผมเคยเขียนตั้งข้อสังเกตไว้แล้วว่า ถ้าคุณทรัมป์ได้กลับมาอีกครั้งเศรษฐกิจโลกที่จะทรุดหนักอยู่แล้ว เพราะโควิด-19 จะยิ่งทรุดต่อ หรือฟื้นยากขึ้นไปอีก เพราะเมื่อคุณทรัมป์ไม่ชอบจีนและหาเสียงด้วยการโดยโยนความผิดใส่จีนเช่นนี้ เมื่อท่านกลับมาก็ต้องดำเนินตามนโยบายที่หาเสียงไว้

ก็จะเกิดสงครามการค้ารอบใหม่ หรืออาจไปไกลถึงการคว่ำบาตรจีน อันจะเป็นผลให้เศรษฐกิจจีนย่ำแย่ลงไปอีก และจะดึงให้เศรษฐกิจทั่วโลกพลอยดิ่งลงตามเหมือนครั้งที่แล้ว

ท่านผู้อ่านที่ติดตามข้อเขียนผมมาแต่ต้นคงจะทราบดีว่าผมเป็นฝ่ายตำหนิจีนก่อนด้วยซํ้า ที่ดำเนินการค้ากับสหรัฐฯ แบบดูดเลือดอย่างเดียว คือขายอย่างเดียวซื้อน้อยมาก ผิดหลักการค้าต่างประเทศ สมควรแล้วที่สหรัฐฯ จะรุกขึ้นมาตั้งกำแพงภาษีตอบโต้

แต่มาช่วงนี้ผมคงต้องตำหนิสหรัฐฯ โดยเฉพาะประธานาธิบดีทรัมป์ ที่เล่นแรงเกินทฤษฎีการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งควรจะเจรจาผ่อนปรนและจีนก็ยอมให้อย่างมาก แต่คุณทรัมป์กลับจะเป็นฝ่ายถลุงแบบจะเอาให้ล้มละลายบ้าง! เหมือนมีอะไรอยู่ในใจยังงั้นแหละ

ไม่รู้นะ ผมอาจจะผิดก็ได้ที่มองว่าแนวคิดและการปฏิบัติที่ทรัมป์มีต่อจีน ไม่เพียงแต่จะเป็นอันตรายต่อจีน แต่จะมีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจโลกอย่างหนีไม่พ้น โดยเฉพาะความหวังที่จะฟื้นโดยเร็วจากโควิด-19 จะเป็นไปได้ยากมากในบรรยากาศเช่นนี้

คงต้องภาวนาอีกครั้งให้คุณทรัมป์สอบตก…บอกตรงๆ ว่าผมเป็นห่วงโลกใบนี้ครับ ถ้าคุณทรัมป์ “รีเทิร์น” กลับมา

@ @ @

ป.ล.ในคอลัมน์ ซูมซอกแซก เมื่อวานนี้มีผิดพลาดอยู่หน่อยหนึ่งครับ ที่ไปเขียนทำนองให้เข้าใจว่าสิ้น เมษายน คือจบ ไตรมาส แรกของปี… จริงๆ แล้วต้องสิ้น มีนาคม นะครับ…ขอโทษด้วยครับ “อยู่บ้านหยุดเชื้อ” ไปนานๆ ได้แต่กินกับนอน ออกกำลังแค่กระโดดหยองแหยงในโรงรถก็เลยมีมึนๆ ไปบ้างอย่างนี้แหละ.

“ซูม”