“Facebook” และ “Google” ส่งแอปวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ แข่งกับ “ZOOM”

ในยุคโควิด 19 นี้ได้มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายบนโลกใบนี้ โดยเฉพาะกับเรื่องการรวมกลุ่มของคนหมู่มาก เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่กระจาย และการติดเชื้อไวรัส

จนทำให้แอปพลิเคชัน วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ หรือการจัดประชุมทางไกลกลายเป็นแอปสามัญประจำบ้านไปแล้ว เพราะถูกนำมาใช้ในทุกๆ กิจกรมทางไกล ไม่ว่าจะเป็นการประชุม การเรียน ร้องเพลง ชวนกันนัดดื่มสังสรรค์ ออกกำลังกาย ไปจนถึงงานแต่งงาน

แอปที่เกิดใหม่และโตเร็วในขณะนี้ก็เห็นจะเป็นแอปที่ชื่อว่า “ZOOM” ของคุณอีริค หยวน (Eric Yuan) เพราะนับตั้งแต่เกิดภาวะโรคระบาดโควิด-19 เมื่อปลายปี 2019 และเริ่มหนักหน่วงมากขึ้นในต้นปี 2020 จนถึงบัดนี้ มีรายงานข่าวว่ามีผู้เข้าใช้ ZOOM ถึงกว่า 40 ล้านคน โดยสถาบัน องค์กร บริษัท ห้างร้าน และรัฐบาลด้วย รวมทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 2,000 สถาบันหรือองค์กร แต่ก็มีข่าวออกมาว่าเจ้าแอป “ZOOM” นี้มีปัญหาเรื่องการรักษาความปลอดภัย และยังมีข้อจำกัดบางอย่างเช่นถ้าใช้ของฟรี ก็จะอนุญาตให้มีผู้เข้าร่วมประชุม 100 คน เป็นเวลา 40 นาที และก็จะถูกตัด ถ้าอยากจะประชุมกันยาวๆ ก็ต้องเสียเงินค่าบริการเพิ่มเติม

จากการเติบโตของการใช้แอปพลิเคชัน วิดีโอคอนเฟอเรนซ์นี้ทำให้ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook และ Google ส่งคู่แข่งขันลงมาแข่งกับ “ZOOM” ด้วย

โดยทาง Facebook ได้ส่ง “Messenger Rooms” มาเป็นผู้ท้าชิง ซึ่งจะอนุญาตให้มีผู้ที่เป็นสมาชิกเฟสบุ๊คเข้าร่วมประชุม 50 คนในเวลาที่ไม่จำกัด

ส่วนทาง Google ได้ส่ง “Google Meet” มาเป็นคู่แข่งด้วยอีกหนึ่งราย โดยอนุญาตใครก็ได้ที่มีอีเมลล์ เข้าร่วมประชุมได้ 100 คน แบบไม่จำกัดเวลา

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีผู้ใช้บริการแอปพลิเคชัน “ZOOM” ในการประชุมถึง 300 ล้านคน ส่วน “Google” มีผู้ร่วมประชุมถึง 100 ล้านคน ส่วนของ “Facebook” นั้นยังไม่มียอดออกมาแต่เขาเคลมว่าเขามียอดผู้ใช้ของ Whatsapp และ Facebook Messenger ถึง 700 ล้านคนต่อวัน ถ้าดูจากยอดของทั้งสองแอปนี้ แล้วแบ่งส่วนหนึ่งของผู้ใช้มาใช้่ “Messenger Rooms” ก็จะทำให้เฟสบุ๊คเป็นผู้นำในตลาดแอปพลิเคชัน วิดีโอคอนเฟอเรนซ์

ท้ายที่สุดแล้วใครจะเป็นผู้นำในตลาดแอปพลิเคชัน วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ก็คงต้องขึ้นอยู่กับผู้ใช้ ว่าถ้าได้ลองแล้วอันไหนสะดวกกว่า ประหยัดกว่า ใช้ได้ง่ายกว่า และปลอดภัยกว่า แอปนั้นก็จะครองใจผู้ใช้ต่อไป ซึ่งเราก็คงต้องติดตามกันต่อไป

แต่ที่แน่ๆ วิถี “วิดีโอคอนเฟอเรนซ์” ได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนบนโลกนี้อย่างแน่นอน

ซูม จูเนียร์